“หนังสือกับการอ่าน” กับการลดความรุนแรงของสังคม
“หนังสือกับการอ่าน” กับการลดความรุนแรงของสังคม
คุณเข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน(สสย.) กรรมการกำกับทิศทาง แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทุกคนรู้จักเธอในฐานะผู้ทำงานเกี่ยวกับการส่งเสริมสื่อการเรียนรู้แก่เยาวชน แต่ใครจะรู้ถึงมุมมองด้านการส่งเสริมกิจกรรมการอ่านแก่เด็กที่เธอได้ให้ความสำคัญอย่างมาก วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้คุยกับเธอถึงประเด็นนี้กัน
– ก่อนอื่นแนะนำหน้าที่หลักของแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชนครับ
"เป็นแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์เด็กและเยาวชน สร้างกระบวนการเท่าทันสื่อแก่เด็ก เยาวชน และคนในสังคม รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมในทุกระดับ ทั้งระดับนโยบาย ,กลไกต่างๆของสังคม ฯลฯ ที่จะทำให้เกิดสื่อที่ดีแก่เด็กและเยาวชน ในบรรดาสื่อบันเทิงทั้งหลาย หนังสือและการอ่านก็เป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาของเด็กและเยาวชน เช่นกัน"
– สังคมทุกวันนี้จะพบปัญหาเด็กเล็กที่ไม่ได้เล่นอย่างเต็มที่ ส่งผลทำให้เด็กจัดการกับอารมณ์ของตนเองไม่ได้ คุณคิดว่าจะมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไรครับ
" ในกระบวนการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก เราต้องทำให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย อย่างเด็กเล็กก็ไม่ควรที่จะรับสื่อมากเกินไปหรือนั่งจ้องแต่หน้าจอโทรทัศน์ เด็กวัยนี้ควรจะได้เล่นตามธรรมชาติของเด็ก การที่เขาได้เล่น จะทำให้ระบบกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ก็จะพัฒนาไปด้วย ทำให้เด็กไม่ต้องเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน ที่สำคัญการเล่นจะทำให้เด็กค้นพบศักยภาพของตนเอง และสามารถจัดการปัญหาเรื่องอารมณ์และความรู้สึกได้ เด็กจะเรียนรู้อารมณ์ของตนและผู้อื่น เวลาเกิดความขัดแย้งเขาก็จะรู้วิธีคลี่คลายปัญหาภายในตัว รู้จักการเข้ากลุ่มเพื่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากกระบวนการเรียนรู้ทั้งสิ้น ควรส่งเสริมให้มีการจัดพื้นที่เล่นสำหรับเด็กหลากหลายรูปแบบ เพื่อสอดคล้องกับเด็กที่มีลักษณะแตกต่างกัน และเด็กบางคนบางครั้งต้องการอยู่นิ่งๆ ควรจัดมุมสงบให้แก่เขา มีเสียงจากธรรมชาติ หรือดนตรี ช่วยผ่อนคลาย เด็กต้องการมุมสงบเพื่อที่จะทบทวนตัวเอง และจัดเป็นมุมอ่านหนังสือไปด้วย การอ่านจะช่วยให้เด็กพัฒนาสติปัญญาและเสริมสร้างจินตนาการ ถ้าเราสามารถจัดมุมแบบนี้ได้ทุกบ้าน หรือตามสถานที่สาธารณะ ก็จะเป็นการลดปัญหาสังคม เช่น ปัญหาความรุนแรงของเด็ก เป็นต้น"
– สำหรับกิจกรรมที่ทำกับเด็กในศูนย์ฝึกอบรมฯ ของเด็กที่มีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน เป็นอย่างไรครับ
"เราได้สนับสนุนโครงการพัฒนาเยาวชน ที่ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนหลายแห่งเช่นที่ อ. เมือง จ. สงขลา ซึ่งได้อาสาสมัครที่เคยอยู่ในศูนย์ฝึกฯ มาช่วยจัดพื้นที่ห้องสมุด โดยผู้อำนวยการศูนย์ฝึกฯ ได้ให้ความสำคัญการเรียนรู้ของเด็กที่นี่ ส่งเสริมให้เด็กจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและผลิตสื่อ อาทิ เป็นบรรณารักษ์ ,ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ,ทำหนังสั้น ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เป็นการเปิดเวทีให้พวกเขาปลดปล่อยอารมณ์ที่คับข้องใจ กดดัน ให้รู้ว่าตัวเองมีคุณค่า ตัวอย่างที่บ้านกาญจนาภิเษก จ. นครปฐม คุณทิชา ณ นคร หรือครูมล ใช้กระบวนการส่งเสริมกิจกรรมการอ่านกับเด็กในศูนย์ฝึกฯ ที่นั่น มีนักเขียนมืออาชีพมาทำหน้าที่วิทยากรฝึกอบรม ใหก้เด็กถ่ายทอดความรู้สึกของพวกเขาผ่านตัวหนังสือ ทำให้เด็กบางคนค้นพบความสามารถของตนเอง และครูมลก็จะให้รางวัลแก่พฤติกรรมเชิงบวก พาพวกเขาออกไปสู่สังคมภายนอก พาไปซื้อหนังสือ เป็นต้น"
– เด็กในศูนย์ฝึกฯ ให้ความสนใจต่อกิจกรรมแค่ไหนครับ
"เด็กเหล่านี้จะค่อนข้างขาดแคลน วันๆ ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไร ทุกครั้งที่มีกิจกรรม จะเห็นว่าพวกเขาโหยหากิจกรรมต่างๆ เราจะเห็นว่าศูนย์ฝึกที่อื่นๆ ไม่มีการจัดกิจกรรม เด็กๆ ก็จะซึมเศร้า จับกลุ่มกันมั่วสุม จนนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง ซึ่งถ้าเราสามารถพัฒนากิจกรรมสร้างสรรค์และพัฒนาการอ่านตรงนี้ได้ทุกศูนย์ฝึกฯ ใช้พื้นที่สร้างสรรค์กิจกรรมเป็นตัวป้องกันปัญหา ความรุนแรงที่เห็นก็จะลดน้อยลง"
– อยากให้สังคมส่งเสริมแก่เด็กที่มาจากศูนย์ฝึกฯ อย่างไรครับ
"สังคมต้องให้การยอมรับค่ะ เพราะว่าสังคมไทยเองจะมองว่าเด็กที่มาจากศูนย์ฝึกฯ จะต้องเป็นเด็กไม่ดี เราต้องให้โอกาสแก่เด็ก การที่เด็กจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ต้องใช้เวลา ก็อยากให้สังคมให้กำลังใจพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเสริมกิจกรรมต่างๆ แก่เด็กเหล่านี้ โดยให้พวกเขามีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก"
– สุดท้ายช่วยฝากข้อคิดเกี่ยวกับการอ่านหน่อยครับ
"การอ่านเป็นทั้งกระบวนการและเครื่องมือที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมให้เกิดสติปัญญาจินตนาการ และการคิดอย่างเป็นระบบ ถ้ามีการปลูกฝังตั้งแต่เด็กอย่างต่อเนื่อง ใช้การอ่านสร้างความสัมันธ์ของคนในครอบครัว ในชุมชน ก็จะสามารถยกระดับคุณภาพของคนได้ทุกมิติ รวมไปถึงช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในสังคม"
ขณะที่สังคมรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มีสื่อหนึ่งที่สามารถชะลอความเร็วทุกด้านให้ช้าลง แต่ใช่ว่าจะเป็นสื่อที่ล้าหลัง เพราะยังสามารถก้าวทันความล้ำสมัยได้ด้วย นั่นคือ…หนังสือ วันนี้ของ “หนังสือ” ยังสามารถเป็นเครื่องมือหยุดยั้งความรุนแรงที่กำลังก่อตัวมากขึ้น จะดีสักเพียงไหนถ้าแต่ละครัวเริ่มบ่มเพาะ “ความรัก” ในการอ่านและหนังสือให้กับสมาชิกทุกวัย แล้วค่อยๆ เชื่อมโยงไปสู่ลูกๆ ของครอบครัวเพื่อนบ้าน ไม่นานเราก็น่าจะได้เห็นความรัก ความเข้าใจที่ค่อยๆ ปูพรมแทนที่ความขัดแย้ง ความรุนแรงอย่างเช่นทุกวันนี้
ภาพจาก : http://www.ccdkm.org