มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

งานสุนทรียเสวนา ปรัชญาการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการผ่านหนังสือสู่โลกกว้าง “หนังสือของคนพิการเพื่อทุกคน”

           สสส. จับมือ นิเทศ จุฬาฯ และเครือข่ายการอ่าน จัดงานเปิดโลกงานเขียนของคนพิการ ส่งพลังถึงทุกคน    

       วิจัยพบงานเขียนคนพิการ ระบุขัดแย้งกับทัศนคติ คนในสังคมขาดความเข้าใจมองคนพิการเป็นคนชายขอบ ขณะที่ผู้พิการวอนเปลี่ยนค่านิยมสงสาร เป็นให้โอกาสสร้างพลังให้คนพิการเห็นคุณค่าตัวเอง ขณะที่ กทม.พร้อมลุยรับลูกห้องสมุดเพื่อคนพิการ 

โดยการศึกษาวิจัยเรื่องเล่าจากหนังสือของคนพิการจำนวน 42 เรื่องทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ที่ตีพิมพ์ระหว่าง ปี 2542-2556 โดยได้เน้นการเจาะลึกหนังสือของคนพิการระดับรุนแรงทั้งตาบอด หูหนวก และไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ หรือเป็นอัมพาตตั้งแต่ครึ่งตัว จำนวน 17 เรื่อง รวมถึงสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวน 20 คน โดยคุณกันต์ฤทัย  สืบสายเพ็ชร สาขาวาทนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้วิจัยดังกล่าว     

            งานวิจัยพบว่า งานเขียนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการบอกเล่าประสบการณ์ การต่อสู้ เพื่อมุ่งเอาชนะอุปสรรคของการใช้ชีวิต การให้กำลังใจ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้สามารถเรียนรู้และให้กำลังใจทั้งคนพิการ และคนปกติทั่วไป  โดยมุมมองในการนำเสนอเรื่องราวจะมุ่งประเด็นการดำรงชีวิตที่อิสระ ซึ่งบอกถึงความเท่าเทียม และความภาคภูมิใจของตนเอง และการเอื้ออาทรของเพื่อนมนุษย์ซึ่งคนพิการไม่ได้เป็นเพียงผู้รับ หรือแค่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น   นอกจากนี้พบว่าความขัดแย้งต่อทัศคติของคนในสังคมกับตัวผู้พิการเอง โดยเฉพาะปัญหาของคนส่วนใหญ่ที่ยังมีทัศนคติผิด ไม่เข้าใจผู้พิการและมองเขาเหล่านั้นว่าเป็นคนชายขอบ

            คุณสุดใจ  พรหมเกิด  ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นงานวิจัยที่มีคุณค่า นอกจากจะได้เห็นอัตตลักษณ์ที่แท้จริงของคนพิการแล้ว ยังสามารถสร้างความเข้าใจให้กับสังคมถึงการดำรงชีวิตอย่างเป็นอิสระของคนพิการ ด้วยเหตุนี้แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ที่มีภารกิจหลักในการดำเนินงานส่งเสริมการอ่านทั้งระบบอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาตีแผ่ให้สังคมรับรู้อย่างกว้างขวาง โดยได้ร่วมกับคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ทำวิจัย และภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน จัดงานสุนทรียเสวนาปรัชญาการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการผ่านหนังสือสู่โลกกว้าง “หนังสือของคนพิการเพื่อทุกคน” ให้สังคมได้รับรู้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีความบกพร่องในเรื่องใด “หนังสือและการอ่าน” สามารถเป็นเพื่อนและสร้างแรงบันดาลใจให้ได้เสมอ    

             ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์   ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล  กล่าวว่า สื่อการอ่านมีประโยชน์กับคนทุกคนเพราะการอ่านทำให้มีสมาธิ และการวิเคราะห์ใคร่ครวญที่สูงขึ้น แต่ต้นทุนในการอ่านที่จะทำให้ได้ประโยชน์แตกต่างกัน  โดยในเด็กพิเศษ  สื่อการอ่านจะต้องมีรูปแบบที่น่าสนใจลงตัว   ซึ่งได้มีการพัฒนาวิจัย หากลไกลการอ่านที่เหมาะสมกับเด็กๆ เรียกว่า Social Story  เพราะเด็กพิเศษต้องการสื่อสารแบบช้าๆ ซ้ำๆ ชัดๆ และตอกย้ำต่อเนื่องเพื่อเน้นให้เกิดการจดจำ ซึ่งวิธีการอ่านแบบนี้ ถูกนำมาสอนในเรื่องราวต่างๆของเด็กพิเศษ ตั้งแต่การแปรงฟัน  หรือการรู้จักรอคอย
              นอกจากนี้สถาบันราชานุกูลสอนเทคนิคการทำหนังสือทำมือ ด้วยกลไก  Social Story   เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครอง นำมาพัฒนารูปแบบการอ่านเพื่อแก้ปัญหาลูกของตัวเอง ซึ่งต่อมาได้เกิดกลุ่มเครือข่ายผู้ปกครองที่แลกเปลี่ยนหนังสือทำมือ เพื่อช่วยการเรียนรู้ให้กับลูกๆ ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น

ด้านนักเขียนสารคดีชีวิตคนพิการ คุณวีระศักดิ์   จันทร์ส่งแสง ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี ผู้คร่ำหวอดและคลุกคลี่ช่วยคนพิการ กล่าวว่า งานเขียนช่วยสร้างความเข้าใจระหว่างคนทั่วไปกับคนพิการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหากเพียงแค่ใครสักคนอ่านหนังสือของเขาเหล่านั้นแล้ว ได้ให้ความช่วยเหลือ เช่น พาข้ามถนนอย่างถูกวิธีก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว  ซึ่งหลังจากที่ได้เข้าไปสัมผัสเรื่องราวและการใช้ชีวิตของคนพิการ ทำให้ได้พบว่า คนพิการคือคนปกติ และคนพิการไม่ต้องการความสงสาร หรือสายตาเวทนาแบบสงเคราะห์ แต่อยากได้โอกาสเหมือนคนปกติทั่วไป หากแต่ต้องการเพียงแค่สิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตเท่านั้น เช่นทางเดิน-ทางลาด มีลิฟต์ และการเปิดโอกาสให้ทำงานได้เท่านั้นก็พอ   


             ด้านคุณเอกชัย  วรรณแก้ว   เจ้าของฉายา “ผู้เขียนชีวิตด้วยปลายเท้า” และเจ้าของผลงาน” ล้มให้เป็น  ลุกให้ได้” บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจว่า  “อยากให้คนพิการมีแรงบันดาลใจเหมือนผม  มุ่งมั่นไปให้ถึงจุดหมาย และเอาชนะตัวเองเพื่อสร้างการยอมรับให้ได้”  
              เอกชัย กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวชื่นชอบงานศิลปะและถนัดวาดรูปมากกว่าการเขียนหนังสือ แต่ด้วยเหตุที่ต้องลุกขึ้นมาเขียนหนังสือ เพราะอยากให้ผู้มีความแตกต่างทางร่างกายเช่นเดียวกันมีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตและเห็นคุณค่าของตัวเอง เพราะสำหรับเขาแล้ว ร่างกายเป็นเพียงองค์ประกอบที่ทุกคนไม่ได้แตกต่างกัน  สิ่งสำคัญคือ “หัวใจ” ที่แตกต่างไป   

        “ใจ  เปลี่ยนโลก” จึงเป็นผลงานเขียนเล่มที่สองที่ต้องการเน้นให้เห็นคุณค่าทางจิตใจมากกว่าร่างกายภายนอก โดยเขาเห็นว่า สังคมปัจจุบันยังมีทัศนะคติเกี่ยวกับคนพิการแบบไม่เข้าใจ เพราะยังมองคนพิการด้วยความสงสาร และต้องการสงเคราะห์ แต่คนพิการไม่ได้ต้องการแบบนั้น เขาอยากได้สายตาที่มองเขาแบบคนปกติและโอกาสในการทำทุกอย่างเหมือนคนปกติ ไม่ใช่ตัดสินว่าเขาทำไม่ได้… 

ภาพบรรยากาศภายในงาน