ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งศรัทธาและคุณธรรม ให้เติบโตในใจเด็กปฐมวัยด้วย ‘นิทาน’ และ ‘คำภีร์อัลกุรอาน’
ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งศรัทธาและคุณธรรม ให้เติบโตในใจเด็กปฐมวัยด้วย ‘นิทาน’ และ ‘คำภีร์อัลกุรอาน’
เรื่อง: ศรัญญา อ่าวสมบัติกุล
ภาพ: Admin Mappa
ไปกับ ผศ.ดร.สรินฎา ปุติ หนึ่งในคณะกรรมการเครือข่ายศูนย์ประสานงานส่งเสริมการอ่านชายแดนใต้ (เครือข่ายพลังอ่านชายแดนใต้) ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการส่งเสริมการอ่านในเด็กปฐมวัยสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
“ตอนเด็กๆ การอ่านนิทาน แทบจะไม่ได้อยู่ในความทรงจำเลย” ผศ.ดร.สรินฎา ปุติ อาจารย์ ‘ผู้สร้างครูปฐมวัย’ จากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เริ่มเล่าเรื่องการอ่านในวัยเยาว์ให้เราฟัง
“แต่สิ่งที่จำได้ดีคือ เสียงของแม่ที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับเซอลามัต ฮารีรายอ เราจำสองประโยคที่บอกว่า “ตื่น ตื่นเร็ว วันนี้ฮารีรายอแล้ว” ได้ขึ้นใจ เสียงและภาพจากความทรงจำเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ยังคงชัดเจน ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน
อาจารย์เล่าว่า ทุกครั้งที่ใกล้เข้าวันฮารีรายอ อาจารย์จะโทรไปคุณแม่ แล้วคุยกันถึงหนังสือเล่มเก่าอย่างสนุกสนาน ได้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่สอดคล้องไปกับหลักความเชื่อทางศาสนาอิสลาม และวิถีของชาวมุสลิมเรื่อยมา
เสียงปลุกของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง “ตื่น ตื่นเร็ว วันนี้ฮารีรายอแล้ว”
… ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว ฉันตื่นแล้ว ปลุกฉันแล้ว ฉันต้องทำ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า แบบเหมือนในหนังสือนิทาน เพราะฉันคือเด็กคนนั้นไง คนที่อยู่ในหนังสือน่ะ ฉันเป็นเด็กน่ารักแบบในหนังสือเลยนะ…
และแล้วเรื่องราวความน่าสนใจของการอ่านนิทาน พลังของนิทาน ความเชื่อและศรัทธาในศาสนาอิสลาม รวมทั้งการอ่านคำภีร์อัลกุรอานในทุกๆ วัน จะสามารถสร้างเมล็ดพันธุ์ที่ดีงามให้เติบโตในใจของเด็กหญิงในวัยเยาว์ สู่อาจารย์สรินฎา และเด็กปฐมวัยชาวมุสลิม ในทุกวันนี้ได้อย่างไร – คำตอบอยู่ที่นี่แล้วค่ะ
หนังสือนิทาน เซอลามัต ฮารีรายอ หนูน้อยหมวกแดง และฉันคือเด็กน่ารักคนนั้น
เซอลามัต ฮารีรายอ คือความงดงามในใจของอาจารย์สรินฎาเสมอ อาจารย์เล่าว่า “ในช่วงถือศีลอด ก็จะมีเสียงแม่ เสียงพ่อ บอกให้ตื่น ตื่น ตื่นเร็ว วันนี้ฮารีรายอแล้ว พอครบสามสิบวันก็จะมีเทศกาลรื่นเริง จะมีเสื้อผ้าใหม่ รองเท้าใหม่ ได้กิน ‘เกอตูปัต’ ข้าวเหนียวสามเหลี่ยมห่อใบกะพ้อ ก็เป็นบรรยากาศที่อยู่ในหนังสือและเป็นวิถีของเราด้วย ในช่วงวันตรุษอิสลาม” แม้ว่าที่บ้านแทบจะไม่มีหนังสือนิทานเลย แต่อาจารย์กลับจดจำเรื่องเล่าดีๆ ได้จากคุณแม่ และได้ฟังเรื่องราวน่ารักๆ อย่าง ‘หนูน้อยหมวกแดง’ จากคุณครูที่โรงเรียน เรื่องเล่าและนิทานมีอิทธิพลต่อหัวใจ และตัวตนในวัยเยาว์ของอาจารย์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังถอดความนำสิ่งๆ ที่ได้จากหนังสือสองเล่มนั้น นำมาสอนลูกสอนหลานต่อได้“เวลาที่เราฟังนิทานหรือเรื่องเล่าจากพ่อแม่ มันเหมือนว่า เราเป็นเด็กคนนั้น มันคือตัวตนของเราในหนังสือเล่มนั้น หนังสือเรื่อง เซอลามัต ฮารีรายอ มันคือฉัน ที่ต้องตื่นขึ้นมา ปลุกฉันแล้วฉันก็ต้องทำต่อตามแบบในหนังสือ”เราชวนอาจารย์คุยต่อว่า มันคือฉัน แปลว่า ทำให้อาจารย์ในวันนั้นมีความกระตือรือร้นทำสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง อยากเป็นคนดีแบบนั้น อยากเป็นเด็กน่ารักแบบนี้ ใช่หรือเปล่า – อาจารย์ยิ้มพร้อมพยักหน้าแทนคำตอบ

หนังสือนิทานภาษาอังกฤษชุดแรก 20 เล่ม ราคา 7,000 บาท กับลูกทั้ง 7 หลานทั้ง 5 และกำไรที่ได้ ‘เกินคุ้ม’
แม้วัยเด็กของอาจารย์จะไม่มีหนังสือให้จับจอง แต่เมื่อวันที่เป็นคุณแม่ อาจารย์จึงยอมลงทุนเพื่อให้ลูกๆ ได้มีหนังสือนิทานไว้จับต้อง ฟัง ดู ไว้เรียนรู้ และส่งเสริมทักษะชีวิตในด้านต่างๆ เพราะอาจารย์เห็นแล้วว่า คุณค่าของการอ่านและฟังนิทานมันมีความสุข และอบอุ่นหัวใจมากแค่ไหน อาจารย์เล่าว่า “จำได้แม่นเลยว่า เราซื้อหนังสือชุดแรกเป็นภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 20 เล่ม ให้กับลูกคนโต และคุยกับพี่เลี้ยงของลูกว่า ให้นำหนังสือมาสอนและอ่านให้ลูกของเราฟังด้วยนะ แล้วสอนวิธีการใช้หนังสือให้กับพี่เลี้ยง แต่ช่วงเวลาก่อนนอน จะเป็นเรา ที่ต้องอ่านนิทานให้ลูกฟังเสมอ “แล้วภาพที่ประทับใจมากๆ เกิดขึ้นกับลูกคนแรกคือ ลูกตื่นนอนขึ้นมา ไม่มีเสียงร้องสักนิด เขาคลานไปที่มุมหนังสือ แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาดู เปิดดูไปเรื่อยๆ เราเห็นแล้วประทับใจมาก แสดงว่า ได้ผล” หนังสือชุดเดิมกับลูกทั้ง 7 คน ยังได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคุ้ม อาจารย์เล่าว่า ตอนเด็กๆ ลูกทั้งเจ็ดคนจะมีบุคลิกและท่าทางบางอย่าง คล้ายถอดออกมาจากตัวละครในหนังสือ และช่วงหลังอาจารย์ได้นำคำภีร์อัลกุรอาน ที่มีเรื่องเล่าของศาสดาที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในสมัยนั้น ถอดออกเป็นเรื่องราว เล่าให้ลูกฟัง ซึ่งมีส่วนช่วยฝึกฝนให้ลูกรู้จักความอดทน ความพยายาม และความมีเมตตาได้เป็นอย่างดี “เราสอนทักษะเหล่านี้ให้กับลูกๆ ผ่านเรื่องเล่าจากในคำภีร์อัลกุรอาน อย่างเรื่อง ความอดทนของนบี (ผู้เผยพระวจนะในศาสนาอิสลาม) อดทนยังไงบ้าง เวลาลูกทำอะไรไม่ได้ เอ..นบีบอกว่ายังไงนะ ต้องอดทนนะ ต้องพยายามและไม่ย่อท้อกับเรื่องนี้นะ ต้องไปต่อนะ ซึ่งลูกก็จะจำได้และนำไปใช้ด้วย” การอ่านนิทาน ยังคงดำเนินต่อไป และได้ผลมาจนถึงรุ่นหลาน ทั้ง 5 คน“อย่าง หลานสามขวบ เป็นวัยโกรธที่ง่าย ซึ่งเป็นตามธรรมชาติ แต่เราก็จะใช้สอนเขาผ่านหนังสือนิทานเรื่อง รู้จักอารมณ์ เราจะอ่านและคุยกับเขา ด้วยการตั้งคำถามว่า เอ… ในหนังสือเล่มนั้น บอกว่า แบบนี้คืออารมณ์อะไร สีอะไรนะ แล้วเด็กจะนิ่งก่อน เหมือนกำลังนึกถึงหนังสือ วิธีนี้จะทำให้เด็กสงบง่ายกว่าการที่เราบอกให้เด็กนิ่ง แต่เราหยิบยกหนังสือนิทานขึ้นมา ก็จะทำให้เขารู้จักอารมณ์ และช่วยในการควบคุมอารมณ์ของหลานได้ดีมาก”


