108 หนังสือดี เดินทางสู่ “5 นครเเห่งการอ่าน”
แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. จัดงานประกาศผล “หนังสือคัดสรร 108 หนังสือดี เปิดหน้าต่างแห่งโอกาสในการพัฒนาเด็กปฐมวัย” เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2553 ณ ห้องประชุมรักตะกนิษฐ 1 อาคารรักตะกนิษฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดย ฯพณฯ ชินวรณ์ บุญยเกียรติ เป็นประธานในพิธีรับมอบ
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผอ.สำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สสส. กล่าว “รัฐบาลกำหนดให้ “การอ่าน” เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้องค์กร หน่วยงานต่างๆ ประสานพลังในการส่งเสริม สนับสนุน และปลูกฝังนิสัย รักการอ่าน ให้เกิดขึ้นในประชาชนทุกระดับ แน่นอนว่าการจะผลักดันให้เกิดผลสำเร็จได้ดีที่สุด คือ การปลูกฝังตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งถือเป็นช่วงโอกาสทองต่อการพัฒนาการทางสมองที่สำคัญ”
"จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2551 เรื่องการอ่านหนังสือของเด็กเล็ก 0-6 ปี โดยเน้นการอ่านหนังสือในช่วงนอกเวลาเรียน ซึ่งมีผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง หรือเด็กอ่านด้วยตัวเอง กลับพบว่า เด็กเล็กมีอัตราการอ่านหนังสือ ร้อยละ 36 หรือคิดเป็น 2.1 ล้านคนจาก 5.9 ล้านคนทั่วประเทศ ใช้เวลาในอ่านหนังสือเฉลี่ย 27 นาทีต่อวัน ความถี่ในการอ่านสัปดาห์ละ 2-3 วัน มีจำนวนสูงสุดร้อยละ 39.6 ขณะเดียวกันเมื่อสำรวจตลาดหนังสือเด็ก พบว่า มีหนังสือสำหรับเด็กอายุ 0-6 ปี ประมาณร้อยละ 4-5 ของหนังสือในร้าน ซึ่งจำนวนนี้มีหนังสือสำหรับเด็กเล็ก 0-3 ปี ไม่ถึงร้อยละ 0-5 และประมาณร้อยละ 4-7 ของจำนวนหนังสือทั้งหมด เป็นหนังสือสำหรับเด็กอายุ 6-12 ปี"
"ผลสำรวจดังกล่าว เป็นที่น่ากังวลว่า ยังมีเด็กเล็กที่ไม่อ่านหนังสืออีกถึงร้อยละ 64 ขณะเดียวกันตลาดหนังสือสำหรับเด็ก ยังมีน้อยกว่าร้อยละ 10 ของตลาดหนังสือโดยรวมสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเร่งกระตุ้นให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะพ่อแม่ ผู้ปกครองตระหนักถึงความสำคัญ และสร้างวัฒนธรรมรักการอ่าน ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ผลิตสื่อเพื่อเด็กต้องพัฒนาศักยภาพตนเอง ต่อยอดการผลิตสื่อสร้างสรรค์และเหมาะสมต่อพัฒนาการทางสมองสำหรับเด็กให้มากขึ้น เพราะหนังสือดี จะเป็นหน้าต่างแห่งโอกาสที่สำคัญของเด็กไทย"
“แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) มีเป้าหมายสำคัญในการเพิ่มพื้นที่ให้เด็กได้เข้าถึงหนังสือดีอย่างกว้างขวางขึ้น เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายในการร่วมสร้าง “นครแห่งการอ่าน” ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการคัดสรรหนังสือดีสำหรับเด็กปฐมวัยฯ ประกอบไปด้วย นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักคิด นักเขียน ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ซึ่งได้รับการยอมรับจากสังคม ที่ได้คัดสรร 108 หนังสือดี เหมาะสมต่อการกระตุ้นเซลล์สมองของเด็ก”
“ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมไปถึง ท่านผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ทั้งในส่วนกลาง และจังหวัดต่างๆ ที่กรุณาเป็นส่วนสำคัญในการเปิดหน้าต่างแห่งโอกาส เสริมสร้างวัฒนธรรมการอ่านให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อเปิดพื้นที่ให้เด็กแต่ละช่วงวัยได้เข้าถึงหนังสือดี ได้อย่างเหมาะสม สุดท้ายต้องขอขอบคุณสำนักพิมพ์ทั้ง 21 แห่ง ที่เห็นความสำคัญในการผลิตสื่อสร้างสรรค์สำหรับเด็ก และร่วมเป็นกลไกสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการอ่าน เพื่อนำไปสู่สังคมแห่งปัญญาและสังคมแห่งความสุขถ้วนหน้าที่ยั่งยืนต่อไป” รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว
ประธานในพิธี ฯพณฯ ชินวรณ์ บุญยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวเปิดงาน “กระผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงาน “หนังสือคัดสรร 108 หนังสือดี เปิดหน้าต่างแห่งโอกาสในการพัฒนาเด็กปฐมวัย” เนื่องจากพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ในช่วงอายุ 0-6 ปี ถือเป็นหน้าต่างแห่งโอกาสที่สำคัญของการสร้างคนที่มีคุณภาพ เพราะช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่เด็กพร้อมที่จะเรียนรู้เติมเต็มความสามารถในด้านต่างๆ และเป็นระยะของการพัฒนาทางสมองที่สำคัญ จึงถือเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ในด้านต่างๆที่ส่งผลต่อเด็กในการหล่อหลอมให้เป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม”
“กระทรวงศึกษา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน เริ่มตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ระบบการศึกษา ที่จำเป็นต้องมีการปลูกฝังการเรียนรู้ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จึงร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จัดให้มี 5 นคร แห่งการอ่าน ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา ลำปาง ขอนแก่น นครศรีธรรมราช และเพชรบุรี เพื่อให้ประชาชนทุกเพศ ทุกวัย สามารถเข้าถึงบริการการอ่านอย่างทั่วถึง ทุกที่ และมีสื่อการอ่านอย่างเพียงพอ โดยทุกคนตระหนักเห็นคุณค่า และใช้ความรู้เป็นปรัชญาในการสร้างเสริมชีวิต”
“ภารกิจที่สำคัญของนครแห่งการอ่าน คือ จังหวัดจะเป็นผู้หนุนเสริมอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน โดยมีการจัดตั้งเครือข่ายกิจกรรมการอ่าน รวมถึงการสร้างระบบหนังสือหมุนเวียน ซึ่งจังหวัดจะเป็นผู้คัดสรร 108 หนังสือดี ที่เหมาะสมกับจังหวัด เพื่อกระจายไปยังครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัย จะได้รับหนังสือ จำนวน 5 เล่ม ต่อ 1 ครัวเรือน ซึ่งตามข้อตกลงในแผนปฏิบัติการโลกที่เหมาะสมกับเด็ก ขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ ได้กำหนดไว้ว่า แต่ละครัวเรือนควรมีหนังสือสำหรับเด็กอย่างน้อย 3 เล่ม”
“นครแห่งการอ่าน จะมีกระบวนการทำงาน กิจกรรม และการมีส่วนร่วมของประชาคมทั้งจังหวัดเพื่อให้เกิดการรักการอ่านเต็มพื้นที่ รวมถึงมีการเข้าร่วมติดตามโครงการเพื่อความยั่งยืน โดยคาดว่าจะมีการขยายผลไปสู่จังหวัดอื่นๆ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการอ่านทั่วประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลยังเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน โดยได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้มีมาตรการในการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้บริจาคหรือซื้อหนังสือให้แก่สถานศึกษาหรือห้องสมุด และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มเติมถึง การลดหย่อนภาษีกระดาษและฐานภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ผลิตหนังสือและโรงพิมพ์ เพื่อให้ราคาหนังสือลดลง ซึ่งจะเป็นการจูงใจให้ประชาชนอ่านหนังสือมากขึ้นเพราะสามารถซื้อหนังสือราคาถูก ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดหน้าต่างแห่งการเรียนรู้ของเด็กไทย และเป็นการวางรากฐานคุณภาพชีวิตของคนในสังคม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว
รู้จักนครแห่งการอ่าน ที่ร่วมขับเคลื่อน 108 หนังสือดีฯ
5 นครแห่งการอ่าน เกิดขึ้นจาก สำนักงานโครงการส่งเสริมการอ่าน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมมือจัดทำโครงการนำร่อง 5 นครแห่งการอ่าน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคมและภาครัฐระดับจังหวัด ในการสร้างพื้นที่จังหวัดนำร่อง “นครแห่งการอ่าน” ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ลำปาง ขอนแก่น นครศรีธรรมราช และเพชรบุรี
โครงการดังกล่าว มุ่งเน้นจัดตั้งแกนนำและเครือข่ายอาสาสมัครส่งเสริมการอ่านในชุมชน และการสร้างเครือข่ายรักการอ่าน รวมทั้งส่งเสริมให้ครอบครัวและผู้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต หนุนเสริมการพัฒนาศักยภาพแกนนำ ผ่านการอบรมเชิงปฎิบัติการ “แกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่านระดับชุมชน” โดยมูลนิธิสื่อชาวบ้าน (กลุ่มละครมะขามป้อม) มีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้
1. เพื่อสร้างแกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่านเพื่อชุมชน (Master Trainer) ทั่วประเทศ 76 จังหวัด โดยมีเป้าหมายแรกในปี 2553 จำนวน 1,000 คน
2. เพื่อฝึกอบรมแกนนำอาสาสมัครฯ รุ่นที่ 1 ให้สามารถจัดกิจกรรมและไปดำเนินการขยายผลยังเครือข่ายอาสาสมัครส่งเสริมการอ่านฯ เพื่อชุมชน จำนวน 5,000 คน เพื่อประสานให้เกิดการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านในทุกระดับวัย เป็นกลไกในการช่วยหนุนระบบหมุนเวียนหนังสืออย่างทั่วถึง และเข้าถึงได้ง่าย
3. เพื่อให้ภาคประชาสังคมและภาครัฐระดับจังหวัดร่วมดำเนินการสนับสนุนให้เกิดในพื้นที่จังหวัดนำร่อง “นครแห่งการอ่าน” 5 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ลำปาง ขอนแก่น นครศรีธรรมราช และเพชรบุรี
4. เพื่อเชื่อมประสานการจัดหาหนังสือ สื่อการอ่านให้แก่ครัวเรือนที่มีเด็กปฐมวัย ในจังหวัดพื้นที่ต้นแบบ “นครแห่งการอ่าน” จำนวนอย่างน้อย 5 เล่ม ต่อ 1 ครัวเรือน
5 นครแห่งการอ่าน มีพันธะสัญญาดังนี้
1. มีความพร้อมในการหนุนเสริมและเผยแพร่เกียรติคุณของอาสาสมัคร
2. มีกระบวนการในการสนับสนุนโครงการฯ กิจกรรมฯ ทั้งการระดมทรัพยากรและระดมการมีส่วนร่วมของประชาคมทั้งจังหวัด เพื่อให้เกิดการรักการอ่านเต็มพื้นที่
3. มีการร่วมติดตามประเมินโครงการฯ และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในระดับท้องถิ่น เพื่อความยั่งยืน
4. มีกระบวนการสนับสนุน หนุนเสริมกิจกรรมอาสาสมัครในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อนำไปสู่ “นครแห่งการอ่าน” โดยมี สสส. และ กศน. ร่วมรณรงค์ / เผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการฯ และประชาสัมพันธ์สร้างกระแสสังคมเพื่อสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
นิยามร่วมของ 5 นครแห่งการอ่าน คือ “ เป็นนครที่ประชาชนทุกเพศ ทุกวัยสามารถเข้าถึงบริการการอ่านอย่างทั่วถึง ทุกที่ และเท่าเทียม มีสื่อการอ่านที่เพียงพอ ทุกคนในสังคมการอ่านเกิดความตระหนัก เห็นคุณค่า และใช้ความรู้ในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิต ”
พื้นที่การอ่านของ 108 หนังสือดี
นอกจาก 5 นครแห่งการอ่านแล้ว ขณะนี้ 108 หนังสือดีฯ ได้รับการสนับสนุนในพื้นที่ที่องค์กรภาคีของแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ดำเนินงานรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน อาทิ กลุ่ม We Are happy กับพื้นที่ชุมชนในเขต กรุงเทพฯ ,นนทบุรี,กาญจนบุรี,นครปฐม และสุพรรณบุรี , รายการห้องสมุด / ห้องสมุดนิทานลอยฟ้า กับรายการโลมาลัลลา สถานีวิทยุ FM 105 และ พื้นที่ภาคีของแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้แก่
– โครงการปฎิบัติการเชียงใหม่อ่าน จ.เชียงใหม่
– โครงการรณรงค์การอ่าน…กล่องหนังสือสื่อสร้างสรรค์เด็ก จ.ระนอง
– โครงการพี่อาสาพาน้องอ่าน จ.เลย
– โครงการรณรงค์การอ่าน "นิทานอยู่ไหนเอ่ย" จ.อุตรดิตถ์
– โครงการมหัศจรรย์การอ่าน จ.สุรินทร์
– โครงการลูกอ่อน หนอนหนังสือ จ.แม่ฮ่องสอน
ฯลฯ
นอกจาก 5 นครแห่งการอ่านแล้ว ขณะนี้ 108 หนังสือดีฯ ได้รับการสนับสนุนในพื้นที่ที่องค์กรภาคีของแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ดำเนินงานรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน อาทิ กลุ่ม We Are happy กับพื้นที่ชุมชนในเขต กรุงเทพฯ ,นนทบุรี,กาญจนบุรี,นครปฐม และสุพรรณบุรี , รายการห้องสมุด / ห้องสมุดนิทานลอยฟ้า กับรายการโลมาลัลลา สถานีวิทยุ FM 105 และ พื้นที่ภาคีของแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้แก่
– โครงการปฎิบัติการเชียงใหม่อ่าน จ.เชียงใหม่
– โครงการรณรงค์การอ่าน…กล่องหนังสือสื่อสร้างสรรค์เด็ก จ.ระนอง
– โครงการพี่อาสาพาน้องอ่าน จ.เลย
– โครงการรณรงค์การอ่าน "นิทานอยู่ไหนเอ่ย" จ.อุตรดิตถ์
– โครงการมหัศจรรย์การอ่าน จ.สุรินทร์
– โครงการลูกอ่อน หนอนหนังสือ จ.แม่ฮ่องสอน
ฯลฯ
สำหรับการแบ่งหนังสือดี 108 เล่ม ตามระดับวัยของเด็ก ได้แบ่งออกเป็นหนังสือสำหรับเด็ก 0 -2 ปี จำนวน 8 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 7.4 , หนังสือสำหรับเด็ก 1 – 3 ปี จำนวน 28 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 25.9 , หนังสือสำหรับเด็ก 3- 5 ปี จำนวน 25 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 23.2 และหนังสือที่เหมาะกับเด็ก 4 – 6ปี จำนวน 47 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 43.5
การแบ่งหวดหมู่หนังสือที่เหมาะสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัยนั้นจำแนกออกเป็น
0-2 ปี
1. ของขวัญแสนวิเศษ
2. พ่อจ๊ะ พ่อจ๋า
3. แม่จ๊ะ แม่จ๋า
4. ยามเช้าเบิกบาน
5. รู้ไหม…หนูชอบทำอะไรกับพ่อ
6. รู้ไหม…หนูชอบทำอะไรกับแม่
7. ลูกจ๊ะ ลูกจ๋า
8. สวัสดี…สวัสดี
1. ของขวัญแสนวิเศษ
2. พ่อจ๊ะ พ่อจ๋า
3. แม่จ๊ะ แม่จ๋า
4. ยามเช้าเบิกบาน
5. รู้ไหม…หนูชอบทำอะไรกับพ่อ
6. รู้ไหม…หนูชอบทำอะไรกับแม่
7. ลูกจ๊ะ ลูกจ๋า
8. สวัสดี…สวัสดี
1-3 ปี
1. ขอหนูหลับหน่อย
2. เท้าไม่ได้มีไว้เตะ
3. นับหนึ่งถึงอร่อย
4. ป๋อมแป๋มกลัวน้ำ
5. ฟันไม่ได้มีไว้กัด
6. มือไม่ได้มีไว้ตี
7. ลูกเจี๊ยบ 5 ตัว
8. อั้นไม่ไหว ขอไปด้วย
9. กบยู่อวดดี/กบมี่ถ่อมตัว (นิทานกลับหัว)
10. กุ๊กไก่ปวดท้อง
11. กุ๋งกิ๋งตัวมอม
12. กุ๋งกิ๋งท้องผูก
13. กุริกับกุระ
14. ข้าวไข่เจียว เดี๋ยวเดียวอร่อยจัง
15. ความต้องการของหมีน้อย
16. ความรู้สึกของตูบน้อย
17. คำพูดไม่ได้มีไว้ทำร้ายกัน
18. คุณเต่าพูดเพราะ
19. คุณแม่ขา อุ้มหน่อย
20. เชื้อโรคไม่ได้มีไว้แบ่งปัน
21. ตะลุยลอมฟาง
22. เธอชอบแปรงฟันหรือเปล่าจ๊ะ
23. ไปเดินเล่น
24. สี่เกลอพิสดาร
25. หนูรู้นะ ไม่เล่นหรอก
26. หางไม่ได้มีไว้ให้ดึง
27. อึ
28. ไอ๋หยาเหม็นจัง
1. ขอหนูหลับหน่อย
2. เท้าไม่ได้มีไว้เตะ
3. นับหนึ่งถึงอร่อย
4. ป๋อมแป๋มกลัวน้ำ
5. ฟันไม่ได้มีไว้กัด
6. มือไม่ได้มีไว้ตี
7. ลูกเจี๊ยบ 5 ตัว
8. อั้นไม่ไหว ขอไปด้วย
9. กบยู่อวดดี/กบมี่ถ่อมตัว (นิทานกลับหัว)
10. กุ๊กไก่ปวดท้อง
11. กุ๋งกิ๋งตัวมอม
12. กุ๋งกิ๋งท้องผูก
13. กุริกับกุระ
14. ข้าวไข่เจียว เดี๋ยวเดียวอร่อยจัง
15. ความต้องการของหมีน้อย
16. ความรู้สึกของตูบน้อย
17. คำพูดไม่ได้มีไว้ทำร้ายกัน
18. คุณเต่าพูดเพราะ
19. คุณแม่ขา อุ้มหน่อย
20. เชื้อโรคไม่ได้มีไว้แบ่งปัน
21. ตะลุยลอมฟาง
22. เธอชอบแปรงฟันหรือเปล่าจ๊ะ
23. ไปเดินเล่น
24. สี่เกลอพิสดาร
25. หนูรู้นะ ไม่เล่นหรอก
26. หางไม่ได้มีไว้ให้ดึง
27. อึ
28. ไอ๋หยาเหม็นจัง
3-5 ปี
1. กระต่ายตื่นตูม
2. กุ๋งกิ๋งรักเพื่อนบ้าน
3. ขนมของแม่
4. ของเล่นเดินทาง
5. ขาวผ่องขี้โมโห!
6. จ๊ะเอ๋…ฟู่ฟ่า
7. ฉันจะทำอย่างไรถ้าไม่มีเธอ
8. เดวิดไปโรงเรียน
9. ตด
10. ตัวเล็ก…ฉันรักเธอนะ
11. ทายซิ ทายซิ ฉันคือใคร
12. นกกระจอกเทศหาเพื่อน
13. บันทึกวันหยุด
14. ปัญหามดมด
15. เม่นหลบฝน
16. เมล็ดแครอต
17. ยักษ์สองตน
18. ลูกเป็ดลูกไก่เพื่อนรัก
19. เล่นกลางแจ้ง
20. เล่นริมน้ำ
21. สัมผัส…จับดู รู้สึกอย่างไร
22. หัวผักกาดยักษ์
23. อนุบาลช้างเบิ้ม
24. เอ๊ะ! หางของใคร
25. โอม…เพี้ยง!
1. กระต่ายตื่นตูม
2. กุ๋งกิ๋งรักเพื่อนบ้าน
3. ขนมของแม่
4. ของเล่นเดินทาง
5. ขาวผ่องขี้โมโห!
6. จ๊ะเอ๋…ฟู่ฟ่า
7. ฉันจะทำอย่างไรถ้าไม่มีเธอ
8. เดวิดไปโรงเรียน
9. ตด
10. ตัวเล็ก…ฉันรักเธอนะ
11. ทายซิ ทายซิ ฉันคือใคร
12. นกกระจอกเทศหาเพื่อน
13. บันทึกวันหยุด
14. ปัญหามดมด
15. เม่นหลบฝน
16. เมล็ดแครอต
17. ยักษ์สองตน
18. ลูกเป็ดลูกไก่เพื่อนรัก
19. เล่นกลางแจ้ง
20. เล่นริมน้ำ
21. สัมผัส…จับดู รู้สึกอย่างไร
22. หัวผักกาดยักษ์
23. อนุบาลช้างเบิ้ม
24. เอ๊ะ! หางของใคร
25. โอม…เพี้ยง!
4-6 ปี
1. ก็แค่หมวกใบกระจิริด!
2. การผจญภัยของบิลลี่
3. ขมิ้นมั่น ขยันยิ่ง
4. คุณตาหนวดยาว
5. คุณแม่พุงโต
6. แค่คำรามนะนี่!
7. แครอตยักษ์ของบิลลี่
8. ตัวเลขไทยไก่เขี่ย
9. เธอจะยกโทษให้ฉันไหม
10. บ้านฟักทอง
11. แบ่ง “ฉัน” บ้างซิ
12. เป็นเพื่อนกันนะ!
13. ไปจับปูนากัน
14. พระจันทร์อร่อยไหม
15. มะเขือเทศยักษ์
16. มังกรแปลงกาย
17. ม้าน้อยร้องเพลง
18. มาเล่นด้วยกันนะ
19. มีหมวกมาขายจ้า
20. แมลงปอจอมซน
21. เรามาเป็นเพื่อนกันนะ
22. วันหยุดของบิลลี่
23. สงครามขนมหวาน
24. สามนักสู้
25. หนังสือสัมผัส ชุดภูมิปัญญาไทย
26. หมุนติ้วคาถาวิเศษ
27. อย่านะ แบบนั้นมันอันตราย!/รู้ไหม แบบนั้นมันสกปรก!
28. ความลับของเต้านม
29. ความลับของสะเก็ดแผล
30. ค้างคาวค้างคืน
31. จุ๊…จุ๊…ฉันมีความลับจะบอก
32. ฉันจะเก็บบ้างนะ
33. เด็กขี้อาย
34. บ้านนี้เหมือนฝันกลางเมือง
35. เป๊าะแป๊ะ อย่าใช้เยอะแยะ
36. ผมเป็นหมาป่าได้ไหมครับ
37. พี่เข้ตัวร้ายกับน้องชายตัวดี
38. มนุษย์หิมะกับหุ่นไล่กา
39. มาลดขยะกันเถอะ
40. เมื่อรถเข็นเป็นขาของฉัน
41. แม่มดกับนางฟ้า
42. เล่น…ร้อง ทำนองข้าว
43. ห้าพี่น้องกับของเล่นใหม่
44. ออมสินฟักทอง
45. อัลเฟรด
46. อูฐออม
47. ฮูกน้อยขี้แย
1. ก็แค่หมวกใบกระจิริด!
2. การผจญภัยของบิลลี่
3. ขมิ้นมั่น ขยันยิ่ง
4. คุณตาหนวดยาว
5. คุณแม่พุงโต
6. แค่คำรามนะนี่!
7. แครอตยักษ์ของบิลลี่
8. ตัวเลขไทยไก่เขี่ย
9. เธอจะยกโทษให้ฉันไหม
10. บ้านฟักทอง
11. แบ่ง “ฉัน” บ้างซิ
12. เป็นเพื่อนกันนะ!
13. ไปจับปูนากัน
14. พระจันทร์อร่อยไหม
15. มะเขือเทศยักษ์
16. มังกรแปลงกาย
17. ม้าน้อยร้องเพลง
18. มาเล่นด้วยกันนะ
19. มีหมวกมาขายจ้า
20. แมลงปอจอมซน
21. เรามาเป็นเพื่อนกันนะ
22. วันหยุดของบิลลี่
23. สงครามขนมหวาน
24. สามนักสู้
25. หนังสือสัมผัส ชุดภูมิปัญญาไทย
26. หมุนติ้วคาถาวิเศษ
27. อย่านะ แบบนั้นมันอันตราย!/รู้ไหม แบบนั้นมันสกปรก!
28. ความลับของเต้านม
29. ความลับของสะเก็ดแผล
30. ค้างคาวค้างคืน
31. จุ๊…จุ๊…ฉันมีความลับจะบอก
32. ฉันจะเก็บบ้างนะ
33. เด็กขี้อาย
34. บ้านนี้เหมือนฝันกลางเมือง
35. เป๊าะแป๊ะ อย่าใช้เยอะแยะ
36. ผมเป็นหมาป่าได้ไหมครับ
37. พี่เข้ตัวร้ายกับน้องชายตัวดี
38. มนุษย์หิมะกับหุ่นไล่กา
39. มาลดขยะกันเถอะ
40. เมื่อรถเข็นเป็นขาของฉัน
41. แม่มดกับนางฟ้า
42. เล่น…ร้อง ทำนองข้าว
43. ห้าพี่น้องกับของเล่นใหม่
44. ออมสินฟักทอง
45. อัลเฟรด
46. อูฐออม
47. ฮูกน้อยขี้แย
การเลือกสรรหนังสือตามช่วงวัยของเด็ก จะช่วยเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่โอกาสทองของชีวิตวัยเยาว์เปิดรับได้ง่าย โดยหนังสือสำหรับเด็กวัย 0 – 2 ปี ได้แฝงจิตวิทยาให้เด็กรู้จักสร้างความผูกพันกับผู้ปกครอง และสร้างความไว้วางใจผู้อื่น ส่วนเด็กวัย 3 – 5 ปีนั้น จะเรียนรู้นิสัยต่างๆ เช่น การรู้จักผิดถูก ,รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ,รู้จักควบคุมอารมณ์ ฯลฯ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างจินตนาการแก่เด็กอีกด้วย และเด็กวัย 6 ปีขึ้นไป จะอยู่ในวัยเรียน หนังสือที่ได้รับการคัดเลือก จะเน้นเนื้อหาเสริมสร้างลักษณะนิสัยต่างๆ เช่น รู้จักประหยัด ,มีวินัย ,รู้จักคิด รู้จักแก้ปัญหา เป็นต้น
แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ขอเชิญชวนองค์กรต่างๆ และประชาชนทุกท่าน ได้ร่วมจัดซื้อหนังสือมอบให้แก่โรงเรียนบ้านเกิด หรือบริจาคให้แก่กลุ่มเด็กด้อยโอกาส เพื่อเป็นของขวัญในแต่ละเทศกาล เชื่อว่าการทำบุญด้วยหนังสือ นอกจากจะเป็นการมอบขุมพลังทางปัญญา มอบความสุขให้แก่เด็กแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน เพื่อที่จะเปิดหน้าต่างบานสำคัญของเด็กๆ เพื่อร่วมสร้างสังคมสุขภาวะในอนาคตของพวกเขาต่อไป
ภาพโดย : อภิชาติ โสภาพงศ์ ฝ่ายประสานงานสื่อสารสังคม แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน