แผนงานฯ การอ่าน สสส. สานพลัง เดินหน้า ผลักดันนโยบายป้องกันภัยคุกคามออนไลน์ สกัดอาชญากรรมไซเบอร์ พร้อมมอบโล่เชิดชูจังหวัดสร้างสังคมรู้ทันสื่อ และเมืองสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย
แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. สานพลังเดินหน้าผลักดันนโยบายป้องกันภัยคุกคามออนไลน์ สกัดอาชญากรรมไซเบอร์ พร้อมมอบโล่เชิดชูจังหวัดสร้างสังคมรู้ทันสื่อและเมืองสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรุงเทพฯ ภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนร่วมจัดงานเสวนาเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในการรับมือกับภัยออนไลน์ในยุคดิจิทัล พร้อมจัดงานประกาศรางวัลดีเด่นแก่จังหวัด หรือพื้นที่ที่ร่วมขับเคลื่อนสู่เมืองรู้เท่าทันสื่อ และเมืองสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย และคณะผู้จัดงานได้ส่งมอบข้อเสนอต่อทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการติดตามและขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันส่งเสริมอินเตอร์เน็ตปลอดภัยแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.2567 ภายใต้แนวคิด “สานพลัง ร่วมสร้างสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน” ว่า อินเตอร์เน็ตมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ทำให้โลกเชื่อมต่อกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดังกล่าวก็มาพร้อมความเสี่ยงและภัยออนไลน์รูปแบบใหม่ๆเช่นกัน ข้อมูลจาก “รายงานหยุดยั้งอันตรายในประเทศไทย” จัดทำโดยยูนิเซฟร่วมกับเอ็คแพทและอินเตอร์โพล พบว่า ในปี 2564 มีเด็กไทยอายุ 12-17 ปี ประมาณ 400,000 คน ตกเป็นผู้เสียหายจากการถูกแสวงหาประโยชน์และการล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์ ภายใต้ความซับซ้อนของรูปแบบที่เพิ่ม มากขึ้น ดังนั้น องค์กรและผู้ปฏิบัติงานต้องรู้เท่าทันกลวิธีของผู้กระทำผิดรวมถึงพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู บุคคลที่แวดล้อมตัวเด็ก ต้องตระหนักว่าทุกคนมีส่วนสำคัญในการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากภัยออนไลน์
รองปลัด พม.กล่าวต่อว่า พม.จึงมุ่งทำงานเชิงรุก โดยส่งเสริมความเข้มแข็งของกลไกคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพฯ ให้ทันต่อสถานการณ์ ส่งเสริมความเข้มแข็งของจังหวัด สนับสนุนกิจกรรมเมืองรู้เท่าทันสื่อ พัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนรู้จักนำพาตนเองให้พ้นจากความเสี่ยง ส่งเสริมความเข้มแข็งของกลไกการช่วยเหลือที่รวดเร็วผ่านศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน โดยขยายศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็ก ให้ครอบคลุมการส่งเสริมปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ให้ครบทุกตำบล เป็นต้น
นายโชคชัย กล่าวต่อไปว่า วันส่งเสริมอินเทอร์เน็ตปลอดภัยแห่งชาติ เป็นเหมือนหมุดหมายให้เราทุกคนตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมกัน ในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลที่ปลอดภัย ครอบคลุม และสร้างศักยภาพสำหรับทุกคนในสังคม เมื่อเด็กและเยาวชนเป็นพลังสำคัญของชาติ เราทุกคนก็มีหน้าที่ช่วยเสริมพลังนั้น กระทรวง พม. จึงมุ่งทำงานเชิงรุก โดยส่งเสริมความเข้มแข็งของกลไกคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพฯ ให้ทันต่อสถานการณ์เด็กและเยาวชน ส่งเสริมความเข้มแข็งของจังหวัด สนับสนุนกิจกรรมเมืองรู้เท่าทันสื่อ พัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ เพื่อเสริมทักษะของเด็กและเยาวชนให้รู้จักนำพาตนเองให้พ้นจากความเสี่ยง ส่งเสริมความเข้มแข็งของกลไกการช่วยเหลือที่รวดเร็ว ต่อเนื่อง ผ่านศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน โดยขยายศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็ก ให้ครอบคลุมการส่งเสริมปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ให้ครบทุกตำบล และส่งเสริมความเข้มแข็งของเด็กและเยาวชนให้ช่วยเป็นเครือข่ายในการสื่อสารระหว่างเด็กด้วยกัน
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา กล่าวว่า รางวัลเชิดชูจังหวัดดีเด่นด้านการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการรู้เท่าทันสื่อ และเมืองสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย เป็นการเชิดชูเกียรติและยกย่องจังหวัดหรือพื้นที่ และหน่วยงานภายในจังหวัดหรือพื้นที่ดังกล่าว ที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนต่อสังคม พร้อมกาหนดนโยบาย วางแผน และตั้งคณะทางานเป็นการเฉพาะ ตลอดจนดาเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างเป็นรูปธรรม ในการร่วมขับเคลื่อนมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และการรู้เท่าทันสื่อ ที่มีมติเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 โดยมีผู้แทนจากจังหวัดหรือพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เดินทางเข้ามาร่วมงาน และรับมอบโล่เกียรติคุณ และเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติเป็นจานวนมาก วัตถุประสงค์สาคัญในการมอบรางวัลครั้งนี้ เพื่อต้องการสร้างพลังบวก และขวัญกาลังใจแก่จังหวัดหรือพื้นที่ที่ร่วมขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติด้านสื่อเพื่อเด็ก ที่คณะทางานเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อออนไลน์ในเด็กและเยาวชน ในคณะกรรมาธิการชุดนี้ ได้เดินทางไปนาเสนอสถานการณ์การใช้สื่อของเด็กและเยาวชน เพื่อให้เกิดความตระหนักสาธารณะ และสนับสนุนการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีในกว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศ ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ด้าน นางญาณี รัชต์บริรักษ์ ผู้อานวยการสานักสร้างเสริมระบบสี่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวว่า ภัยคุกคามด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะภัยจากข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ที่เผยแพร่ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สร้างความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อสังคมไทยเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากผลการสารวจของภาคีเครือข่าย สสส. ในปี 2566 ที่พบว่า เด็กและเยาวชนเล่นพนันออนไลน์กว่า 2.9 ล้านคน ในจานวนนี้มีถึง 1.4 ล้านคน เสี่ยงเป็นนักพนันที่เป็นปัญหา และเป็นผู้เล่นหน้าใหม่สูงถึง 700,000 คน เล่นพนันผ่านช่องทางโทรศัพท์มือถือมากถึงร้อยละ 98.7 แสดงให้เห็นว่าเด็กและเยาวชนมีโอกาสเป็นผู้เสพติดพนันสูงกว่าผู้ใหญ่
สสส. ตระหนักถึงความสาคัญของการสื่อสารสู่สังคมผ่านเวทีสาธารณะ จึงได้สานพลังภาคีเครือข่าย จัดเวทีเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง “รับมืออย่างไร… กับภัยออนไลน์ในยุคดิจิทัล” ให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงความสาคัญของปัญหาการสื่อสารผ่านสื่อ นาเสนอข้อมูลข่าวสารทั้งด้านสถานการณ์การใช้สื่อของเด็กและเยาวชน ทั้งภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภัยจากการพนันออนไลน์ ภัยจากการแสวงประโยชน์ทางเพศต่อเด็ก รวมถึงการปกป้องคุ้มครองเด็กให้ปลอดภัย และที่สาคัญ คือ เวทีเสวนาดังกล่าวยังสอดรับกับแนวคิดหลัก (Theme) ของวันอินเทอร์เน็ตปลอดภัยสากล ประจาปี ค.ศ.2024 ที่ว่า “Together for a safer internet : สานพลังเพื่ออินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น”
ดร.ธีรารัตน์ พันทวี วงศ์ธนะเอนก นายก สสดย. กล่าวว่า สสดย. เสนอแนวคิดการจัดเสวนาในครั้งนี้ เนื่องจากภัยออนไลน์ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคม จึงควรสร้างความตระหนักรู้ และความฉลาดรู้เท่าทันภัยออนไลน์ เพื่อก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันในการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงที่อยู่รอบตัวในโลกออนไลน์ เวทีเสวนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.จุมพล รอดคาดี ประธานเครือข่ายเสริมสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัยประเทศไทย เป็นผู้ให้แนวคิดสาคัญในการรับมือภัยออนไลน์ในยุคดิจิทัล รวมถึงมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมากมาย ทั้งจากกองบัญชาการตารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมกิจการเด็กและเยาวชน มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ตลอดจนประธานสภานักเรียน ที่ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อแสวงหาแนวทางการรับมือกับภัยออนไลน์หลากหลายรูปแบบร่วมกัน พร้อมมีผู้เข้าร่วมงานจากทุกภาคส่วน ทั้งจากชุมชนที่สนใจ นักเรียนจากโรงเรียนสายปัญญา และโรงเรียนวัดสระเกศ ตลอดจนผู้แทนจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม และเครือข่ายเสริมสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัยประเทศไทย ในงานเสวนาดังกล่าว สสดย. ได้นาข้อเสนอที่ได้จากเวทีเสวนา ส่งมอบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการประกาศสู่สาธารณะ พร้อมติดตามการนาไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในอนาคต