อิ่มอก..สุขใจ..บ้านไผ่..กับครู กับการอบรมการทำสื่อ หนังสือภาพสำหรับเด็ก ที่ อ.บ้านไผ่..
บรรยากาศ ณ เวลา แปดโมงนิดๆ คุณครูผู้เข้าอบรมเริ่มทยอยกันเข้ามา และพร้อมเพรียงกันในเวลาไม่นานนัก ทุกท่านมาพร้อมกับใบหน้านิ่ง ง่วง มึน งง หรือออกไปทางเบื่อเสียมากกว่า อาจคงเป็นเพราะด้วยความฝังใจ ติดกับความคิดในรูปแบบ และ คำว่า “ อบรม สัมนา” แบบเดิมๆที่เคยพบมา บรรยากาศก่อนเริ่มการจัดกิจกรรมอบรมกันนั้นในช่วงแรกจึงปกคลุมไปด้วย ความเงียบ พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคุณครูหลายๆท่าน ..
แต่….เพียงแค่พี่แต้วจับไมค์เท่านั้นล่ะ บรรยากาศที่เคยเงียบ ดูอึมครึมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง…ซึ่งก็เป็นไปตามที่เราคิดกันไว้ บรรยากาศที่เหมือนมีกำแพงกั้นกันอยู่ถูกทะลายลง เปลี่ยนให้เป็นความคุ้นเคยกันระหว่างคุณครูผู้เข้าอบรม กับวิทยากร
เริ่มด้วยการเล่านิทานที่ไม่ต้องมีต้นทุนที่มีมูลค่าราคาอะไรเลยแต่ทุกคนมีอยู่ในตัวเองและสามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ ทุกสถาณการณ์ นั่นคือการเล่านิทานด้วยมือเปล่า ใช้มือ ใช้นิ้วเปล่าๆเป็นสื่อในการเล่า..สร้างความสนุกสนานให้กับคุณครูได้อย่างมาก เปลี่ยนจากคุณครูหน้าเครียดวัยสามสิบ สี่สิบไปจนถึงเกือบหกสิบก็มี..กลายเป็นเด็กเล็กอายุสามสี่ขวบพอๆกับที่คุณครูหลายท่านนั้นได้สอนอยู่ เปลี่ยนกันไปในพริบตา ความเงียบ ความง่วง ความเกร็งและกำแพงที่ได้ถูกทะลายลงไปแล้วก็ยิ่งเพิ่มความสุนกสนานมากขึ้นเมื่อถึงคิวของนิทานเรื่องต่างๆที่พี่แต้วได้เตรียมมา คุณครูหลายท่านนั่งฟังไปเสมือนว่าตัวเองถูกสะกดให้กลับกลายไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว ถามอะไรตอบ บอกให้พูดอะไรก็พูด ให้ยกมือ..ยก แม้นิทานที่ได้รับฟังอยู่นั้นคุณครูจะเคยเห็นเคยเจอมาแล้ว หรือเป็นนิทานที่เคยอ่านให้เด็กๆที่ตัวเองดูแลอยู่ฟังมาแล้วก็ตาม…ทุกอย่างเป็นไปในบรรยากาศที่เป็นกันเองและอบอุ่นต่างจากการอบรมที่คุณครูเคยพบเจอมา
บรรยากาศยิ่งทวีความสนุกมากขึ้นเมื่อคุณครูผู้เข้าอบรมได้เริ่มลงมือทำหนังสือ นิทานภาพสำหรับเด็กด้วยตนเอง ขั้นตอนต่างๆก็ค่อยๆเรียนรู้กันไปทีละขั้นตอน จากผลงานชิ้นแรก สู่ชิ้นที่สอง และออกมาเป็นรูปเล่ม..งานที่เสร็จออกมาเป็นรูปเล่มนั้น อาจถือเป็นเส้นชัยกำหนดว่าเราทำงานเสร็จแล้ว.. แต่ผลสำเร็จที่แท้จริงแล้วนั้นอาจเป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นในระหว่างทางเสียมากกว่า…จากที่ได้พูดคุย หยอกล้อ แนะนำ สอบถาม ระหว่างขั้นตอนการทำงานกัน กับคุณครู บางท่านบอกว่า “กลัว”ที่วาดรูปไม่สวยวาดรูปไม่เป็น…ในวันแรกที่ให้การบ้านกลับไปคิดเนื้อเรื่องกันมานั้น จึงวานให้ลูก หลาน ช่วยวาดภาพเป็นรูปต้นแบบมาให้ก่อนเพื่อนำมาเป็นแบบร่างสำหรับใช้งานจริงในวันรุ่งขึ้น และคุณครูบางท่านไม่มีลูก ก็ให้สามี!!ช่วยวาดให้ดูเป็นตัวอย่างแทน ..ถือเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไปในตัว แต่เมื่อได้ลงมือทำหนังสือเล่มจริงของตัวเองแล้ว ก็จะถูกย้ำอยู่เสมอว่า ไม่ต้องกลัวการวาดรูป วาดไม่เป็นไม่สวย ก็ไม่ต้องวาด เราใช้เทคนิคในการสร้างหนังสือภาพที่ดูง่ายและน่าสนใจขึ้นมาได้ มีหลากหลายไม่ใช่แค่การวาดรูปเท่านั้น…และเมื่อผลงานออกมาเสร็จ แต่ละท่านเกิดความมั่นใจในตัวเอง และความมุ่งมั่นในการสร้างหนังสือดีๆสำหรับเด็กเพิ่มขึ้น…สิ่งเหล่านั้น ถือเป็นกำลังใจ และความอิ่มใจให้กับผู้ถ่ายทอดให้เป็นอย่างมาก คุณครูท่านหนึ่งบอกว่า จะนำเล่มที่กำลังทำอยู่นี้ไปใช้เล่าให้เด็กๆที่ตนสอนอยู่ฟังจริงๆ….ยิ่งได้ฟัง ยิ่งรู้สึก อิ่มใจ ว่านี่สิคือผล “สำเร็จ”ของงาน..เหนือกว่าผลงานที่ “เสร็จ” ออกมาสวยงามเป็นชิ้นเสียอีก.. สุขใจเป็นทวีคูณ

