Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

สสส. และ กศน. ยกระดับส่งเสริมการอ่านเป็น “ สร้างวัฒนธรรมการอ่าน ”

 

 

สสส. และ กศน. ยกระดับส่งเสริมการอ่านเป็น “ สร้างวัฒนธรรมการอ่าน ”

      แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จัดประชุม “แนวทางสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่นครแห่งการอ่านที่ยั่งยืน” โดยมีแกนนำด้านนโยบายและการดำเนินงานจาก กศน. โครงการ “5 นครแห่งการอ่านนำร่อง” ประกอบด้วย จ.นศรศรีธรรมราช ,จ.เพชรบุรี ,จ.ลำปาง ,จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.ขอนแก่น รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน เข้าร่วมประชุม ทั้งสิ้นจำนวน 30 คน

       ในโอกาสนี้ รศ.ดร.วิลาสินี  อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้กล่าวต้อนรับ และร่วมนำเสนอแนวทางเดินหน้าประเทศไทยด้วยการอ่าน “ การอ่านเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะ เป็นเครื่องมือที่นำไปสู่เป้าหมาย การอ่านสอดคล้องกับยุคปฏิรูปขณะนี้อย่างยิ่ง เพราะทุกคนกำลังมุ่งเป้าไปที่การสร้างสังคมแห่งปัญญา เพื่อนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศ การอ่านจึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการนำไปสู่เป้าหมาย”
 
      รศ.ดร.วิลาสินี แสดงความเห็นเพิ่มเติม “นพ.ประเวศ วะสี ได้กล่าวไว้ว่า สังคมปัจจุบันจำเป็นต้องก้าวไปสู่สังคมแห่งการสร้างปัญญา เครื่องมือชิ้นสำคัญที่ใช้สร้างปัญญา คือ การสื่อสาร เพื่อให้ทุกคนมีความรู้ มีเกียรติและศักดิ์ศรี การอ่านจะเป็นตัวปลดอุปสรรคความเหลื่อมล้ำของสังคม และถ้าทุกคนเข้าถึงความรู้ ข้อมูลที่ถูกบิดเบือนก็จะหายไป  การจะสร้างวัฒนธรรมการอ่านนั้น ควรเริ่มจากระดับชุมชน ต้องทำให้ระดับล่าง ซึ่งเปรียบเสมือนฐานเจดีย์ ให้แข็งแรงก่อน แล้วค่อยไล่ไปถึงระดับประเทศ การส่งเสริมการอ่านที่สัมฤทธิผล ไม่เน้นรูปแบบทางการ ควรเน้นอิสระ อาสาสมัครหรือคนในชุมชน น่าจะเกิดความคิดได้ดีกว่า”  
 
       ดร. ชัยยศ อิ่มสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)  กล่าว “การส่งเสริมการอ่าน เป็นเรื่องที่ กศน. ดำเนินการมาแล้ว 10 กว่าปี เราพบว่า  การอ่านไม่ใช่แค่ทำให้เกิดทักษะ แต่ต้องกลายเป็นเป็นวัฒนธรรมด้วย ประเทศไทยยังไม่ได้สร้างวัฒนธรรมการอ่านขึ้นมา  โครงการนครต้นแบบแห่งการอ่าน เป็นกลยุทธ์ในการแสวงหาความร่วมมือ เป็นการนำการศึกษาคืนสู่ชุมชน เพื่อให้เกิดการตระหนักว่าการส่งเสริมการอ่านไม่ใช่แค่หน้าที่ของ กศน. แต่เป็นหน้าที่ของคนทุกคน และไม่ใช่เพียงแค่ 5 จังหวัดนำร่องเท่านั้น  ยุทธศาสตร์การสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน น่าจะรวมองค์ประกอบ 3 ด้าน คือ 1. พัฒนาความสามารถในการอ่าน ทั้งผู้ศึกษาในระบบเละนอกระบบ 2. ปลูกฝังนิสัยและเจตคติที่ดีของการอ่าน 3. การสร้างสภาพแวดล้อม บรรยากาศในพื้นที่การอ่าน”
 
       “ การส่งเสริมการอ่านที่ดี ต้องปรับปรุงแหล่งการเรียนรู้ และพลิกโฉมห้องสมุดให้เป็นรูปแบบ 3 ดี ได้แก่ หนังสือดี บรรยากาศดี และบรรณารักษ์ดี ศูนย์การรียนรู้ชุมชน จะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการสร้างเรียนรู้  ในส่วนของการอบรแกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน ทั้ง 5 จังหวัด จำนวน 1,000 คน อาสาสมัครส่วนหนึ่เริ่มงานเล็กๆ ของตนเองไปแล้ว บางคนกลับไปเปิดห้องสมุดที่บ้าน ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ และหวังว่าจะเกิดมากขึ้นภายในปีนี้  ในปีหน้าได้วางแผนไว้ว่า จะผลักดันให้เกิดนครแห่งการอ่าน อีก 10 จังหวัด ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้จะเป็นการสร้างกระแสส่งเสริมการอ่านเพราะ หลายๆ จังหวัดที่เห็นกิจกรรม ก็จะได้จุดประกายความคิดกลับไปด้วย ชุมชนการอ่านจะยั่งยืนหรือไม่ อยู่ที่การตระหนักของคนในชุมชน กศน.และ สสส. เป็นแค่ผู้ติดตั้งจุดประกาย สำหรับการส่งเสริมการอ่านต้องไม่มีสูตรสำเร็จ  ขณะนี้ กศน.สร้างรถบัสห้องสมุดเคลื่อนที่ เพิ่มอีก 24 คัน ทำให้ห้องสมุดเปลี่ยนทัศนะจากที่เป็นหน่วยงานตั้งรับ ให้เป็นฐานปฏิบัติการณ์เชิงรุก” ดร.ชัยยศ กล่าว
  
        ด้านนายกุลธร เลิศสุริยะกุล ผู้อำนวยการ กศน. จังหวัดฉะเชิงเทรา เผย “ ถ้าประเมินศักยภาพของ จังหวัดฉะเชิงเทรา คิดว่ากลไกการสร้างเครือข่าย ในการขอความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น องค์การบริหารส่วนปกครองท้องถิ่น ,ผู้นำระดับจังหวัด ฯลฯ ค่อนข้างประสบผลสำเร็จ เข้ามาช่วยผลักดันหนุนเสริม และให้ความสำคัญต่อการอ่าน  ในส่วนของอาสาสมัครที่เข้าอบรมฯ 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นแกนนำชุมชน ซึ่งมีพลังที่จะขยายกลไกสนับสนุนในชุมชน ช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ จะมีการรวมพลอาสาสมัครประจำจังหวัดอีกครั้ง เพื่อร่วมหาแนวทางพัฒนาส่งเสริมการอ่าน ต่อไปอาจมีสังคมออนไลน์ให้อาสาสมัครติดต่อประสานงานกัน และรวมถึงนำผลงานลงเว็บไซต์ หรือหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วย ต้องขอขอบคุณ สสส. ที่จัดให้มีการอบรมแกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน และทำได้น่าสนใจมาก เพราะปกติการอบรมทำให้ทุกคนตื่นเต้นอยู่แล้ว ยิ่งได้ทีมมะขามป้อมมาเป็นวิทยากรก็ยิ่งดีมาก จนอาสาสมัครฯ สามารถนำประโยชน์ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ได้ ”
 
        นางโกศล  หลักเมือง รองผู้อำนวยการ กศน.จังหวัดเพชรบุรี  กล่าว “ ภายหลังจากการอบรมฯอาสาสมัครแต่ละอำเภอ นัดรวมพลกันเพื่อวางแผนดำเนินกิจกรรม แล้วกลับไปส่งเสริมการอ่านในพื้นที่ชุมชนของตน โดยนายก อบต. ให้ความสนใจและร่วมสนับสนุนทุน หลายพื้นที่อย่าง อำเภอบ้านแหลม อาสาสมัครฯ เดินหน้ากิจกรรมส่งเสริมการอ่านไปมากแล้ว ”
 

        นางเกสราวรรณ ทิพย์ศรีบุตร อาจารย์ กศน. จังหวัดลำปาง แจ้ง “ ขณะนี้ทางจังหวัดลำปางได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการอ่านระดับจังหวัด โดยมีผู้นำทุกระดับองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชนเข้าร่วมให้สัตยาบรรณ หนุนเสริมให้ความสำคัญของการอ่าน เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อร่วมผลักดันให้การอ่านเป็นวาระประจำจังหวัดลำปาง ”
 
        นางเกษร  ธานีรัตน์ ผู้อำนวยการ กศน. จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าว “ อาสาสมัครฯ ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เช่น กิจกรรมกระเป๋าครอบครัวรักการอ่าน ,ความรู้สู่ไอซีที ,ประกวดมุมอ่านหนังสือ เป็นต้น มีการเชิญนักอ่านวัยต่างๆ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และกิจกรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ กิจกรรม “ทำอย่างไรให้ได้งาน กับอ่านอย่างไรให้ได้เงิน”  ซึ่งเป็นการแนะแนวอาชีพแก่นักศึกษา กศน. ระดับ ม.ต้น ที่กำลังจะจบการศึกษา”

        นางศิริพร หาจันดา อาจารย์ กศน. จังหวัดขอนแก่น เล่า “ภายหลังการอบรมฯ ของกลุ่มมะขามป้อม กศน. ขอนแก่นได้จัดอบรมแกนนำฯ รุ่นที่ 2 ระหว่งวันที่ 9 – 11 สิงหาคม และภายหลังจบการอบรมฯ ให้อาสาสมัครฯ หาเครือข่ายในชุมชนเพิ่มทันที สำหรับกิจกรรมที่เด่นที่สุดตอนนี้ขอนแก่น คือ กิจกรรมคาราโอเกะ โดยเหล่าอาสาสมัครฯ ตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในกลางคืน จัดกิจกรรมสอนร้องคาราโอเกะแก่ชาวบ้าน โดยเน้นให้อ่านออกเสียงเป็นหลัก ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวบ้านมาก”

                          การประชุมดังกล่าว จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2553 เวลา 9.00 น. ณ ห้องราชดำเนิน โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง