มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

พบสื่อคุ้มกันเด็กจากเหล้า บุหรี่ มีน้อย และไม่เหมาะสมวัย

พบสื่อคุ้มกันเด็กจากเหล้า บุหรี่ มีน้อย และไม่เหมาะสมวัย

นักวิชาการและสสส.ศึกษาการสำรวจความคิดเห็นของครูปฐมวัยต่อการใช้สื่อสร้างภูมิคุ้มกันพฤติกรรมเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย พบว่าครูส่วนใหญ่ 65% เคยมีประสบการณ์สอนเด็กเรื่องเหล้าและบุหรี่ ส่วนใหญ่เป็นสื่อโปสเตอร์และแผ่นพับ ซึ่งมีภาพและเนื้อหาสอดคล้องกับเด็กมัธยมและวัยรุ่นตอนต้นมากกว่า


รศ.ดร.สายฤดี  วรกิจโภคาทร หัวหน้าโครงการแนวทางการพัฒนาสื่อสร้างภูมิคุ้มกันพฤติกรรมเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย กล่าวว่า “โครงการวิจัยเรื่อง ความคิดเห็นของครูปฐมวัยต่อการใช้สื่อสร้างภูมิคุ้มกันพฤติกรรมเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย มีที่มาจากการที่โครงการ“แนวทางการพัฒนาสื่อสร้างภูมิคุ้มกันพฤติกรรมเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย”  ที่พยายามค้นหาแนวทางการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อมีภูมิคุ้มกันในจิตสำนึกด้านพฤติกรรมเสี่ยงในอนาคต โครงการดังกล่าวมีคณะทำงานอันประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ผู้เชี่ยวชาญด้านด้านการพัฒนาสมอง ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมเด็ก  จิตแพทย์  โดยเน้นในเรื่องของการเรียนรู้เพื่อการตัดสินใจด้านพฤติกรรมการใช้บุหรี่ และเหล้าในการทำงานโครงการในระยะแรกนี้  จากการค้นคว้าข้อมูลพบว่าในประเทศไทย ยังไม่มีสื่อประเภทหนังสือภาพและนิทาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันพฤติกรรมเสี่ยงในเรื่องบุหรี่และเหล้าสำหรับเด็กปฐมวัยที่เป็นรูปธรรม ที่มีการออกแบบและประเมินการใช้อย่างชัดเจน ดังนั้นเพื่อเป็นการสนับสนุนข้อมูลในส่วนนี้ คณะผู้วิจัยจึงได้จัดทำโครงการความคิดเห็นของครูปฐมวัยต่อการใช้สื่อสร้างภูมิคุ้มกันพฤติกรรมเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย ทั้งนี้เพื่อศึกษาความคิด และประสบการณ์ และความพร้อมในการทำงานด้านป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงในเด็กปฐมวัยที่ครูอนุบาลอาจได้ดำเนินการไปแล้ว โดยคิดค้นหารูปแบบหลากหลายเองมาก่อนที่จะเป็นฐานของการพัฒนาสื่อที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้การวิจัยใช้การสอบถามจากครูเด็กปฐมวัย จำนวน 200 คน ใน 10 จังหวัด ทั่วประเทศ  โดยโครงการวิจัยทั้งสองโครงการ ได้รับทุนสนับสนุนจากแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน   สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)”


รศ.ดร.สายฤดี  วรกิจโภคาทร กล่าวต่อว่า “การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยเกิดขึ้นตลอดเวลา แม้แต่ก่อนเข้าระบบการเรียนรู้ในปฐมวัย เด็กที่เห็น ได้กลิ่น รับรส กายสัมผัส และใจ เรียนรู้ท่าทีของผู้ปกครองที่ใช้บุหรี่ / เหล้า จะเกิดการยอมรับไปโดยไม่รู้ตัว แม้เกิดผลกระทบ  การยอมรับยังมีอยู่ และไม่ทราบสาเหตุ หรือวิธีจัดการกับสภาพปัญหานั้น การยอมรับโดยทฤษฎีนั้นที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นการยากที่การเรียนในห้องเรียนจะปรับความคิดใหม่ได้ จิตใต้สำนึกยอมรับ ในขณะที่จิตสำนึกไม่ยอมรับ การเรียนรู้เช่นนี้ไม่เกิดผลดีต่อการปฏิบัติที่จะไม่ยอมรับการมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในครอบครัวไทย และที่ยังไม่มีการเรียนรู้ที่จะเข้าใจผลของการที่จิตใต้สำนึกเรียนรู้ในวัยเล็กๆ ที่มีผลอย่างถาวรในวัยต่อๆมา”

“การสอนเรื่องของบุหรี่ในระดับจิตใต้สำนึกจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำในโรงเรียนได้ง่าย แต่ทำได้โดยพ่อแม่และคนในครอบครัวและครูที่เข้าใจ และเป็นตัวอย่างของการไม่สูบบุหรี่หรือไม่มีท่าทีชมชอบการสูบบุหรี่ / เหล้า จะมีอิทธิพลกับการเรียนรู้ที่จะไม่ยอมรับในระดับจิตใต้สำนึก และวิธีอื่นที่เหมาะกับเด็กวัยนี้ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีผู้ใหญ่ที่เข้าใจ รวมทั้งไม่มีสื่อสำหรับเด็กในวัยนี้ ที่มีความเข้าใจในลักษณะการเรียนรู้จิตใต้สำนึกได้ดีที่ใช้อยู่อย่างได้ผลเลย”
ดูรายละเอียดผลการศึกษาเพิ่มเติมได้ที่…….
http://www.mediafire.com/download.php?7v3dqrep85u15w8