นครแห่งการอ่าน ปัจจัยของการพัฒนามนุษย์
"การอ่าน"ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งขององค์ประกอบในการพัฒนามนุษย์ ทั้งนี้เนื่องจาก การอ่านทำให้องค์ความรู้ได้รับการถ่ายทอดจาก ที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเหตุนี้เอง การอ่าน จึงเป็น ปัจจัยสำคัญของสังคมที่จะนำพาให้ทรัพยากรมนุษย์ได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะพบเห็นได้จากประเทศที่ได้รับการพัฒนาแล้วว่า ประชากรของประเทศนั้นๆจะมีนิสัยรักการอ่านจนกลายเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดต่อเนื่องจากพ่อสู่ลูก และจากสังคมสู่สังคมอย่างยั่งยืน
ประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ดังนั้น การอ่าน จึง มีความสำคัญที่ ทั้งภาครัฐ และ เอกชนจะต้องช่วยกันเอาใจใส่ และส่งเสริมให้สังคมสร้างวัฒนธรรมในการอ่านให้เกิดขึ้นกับทุกแห่งของภูมิภาค
"จังหวัดนครปฐม" เป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่า มีอารยธรรมที่รุ่งโรจน์มาแล้วนับเป็นร้อยๆปี ซึ่งทุกวันนี้ ยังสามารถสืบค้น และ หาหลักฐานของความเจริญ หรือ อารยธรรมโบราณได้ในหลายๆแหล่งโบราณ
ล่าสุด ชาวนครปฐม ได้ร่วมมือร่วมใจกันที่จะ สร้างวัฒนธรรมในการอ่านให้เกิดขึ้นกับคนในท้องถิ่น โดยการ จัดทำโครงการ "นครแห่งการอ่าน"ให้เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เกศินี จุฑาวิจิตร และคณาจารย์โปรแกรมวิชาบรรณรักษ์ศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสาตร์ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ "นครแห่งการอ่าน"เปิดเผยให้ทราบว่า โครงการ นครแห่งการอ่าน ได้รับความร่วมมือจาก แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ให้มีการจัด โครงการสัมมนาการขับเคลื่อนจังหวัดนครปฐมให้เป็น นครแห่งการอ่าน เพื่อให้เป็นวัฒนธรรมที่ยั่งยืนแก่ชาวนครปฐมตลอดไป
เป้าหมายของการสร้างวัฒนธรรมการอ่านในจังหวัดนครปฐมเพื่อให้เกิดความยั่งยืนนี้ จำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมในสองประการ คือ เรื่องของ ปัจจัยภายใน ซึ่งได้แก่ การสร้างแรงจูงใจ เหตุผล อารมณ์ ความรู้สึก และ ทัศนคติ กับ เรื่องของ ปัจจัยภายนอก ที่หมายถึง โครงสร้างทางกายภาพ และโครงสร้างของสังคม ที่เอื้อ และสามารถรองรับวัฒนธรรมการอ่านได้อย่างลงตัว อาทิ มีทรัพยกรที่เอื้อต่อการอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง และ มีกลไกในการสนับสนุนอย่างเป็นระบบ
ซึ่งจากผลงานวิจัยของ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ในเรื่อง "ปัจจัยพื้นฐานที่เอื้อต่อการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านแก่ประชาชนในจังหวัดนครปฐม ที่จัดทำขึ้นโดย ผศ.ดร.เกศินี จุฑาวิจิตร ,อาจารย์นุชจรี บุญศรีงาม ,อาจารย์นิพา ผลสงเคราะห์,อาจารย์ธารา จันทร์อนุ และ อาจารย์ไชยณัฐ ดำดี พบว่า จังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างทางกายภาพ ที่สามารถรองรับการรณรงค์ให้เกิด "นครแห่งการอ่าน"ได้โดยไม่ยาก และ ยังมีกลไกสนับสนุนหรือส่งเสริมการอ่านของแต่ละพื้นที่เกี่ยวข้องในเกณฑ์ปานกลาง
จากผลงานวิจัยดังกล่าว คณะผู้วิจัยจึงเห็นว่า ควรจะมีการพัฒนาและต่อยอดโดยการสร้างเครือข่ายเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและหนุนเสริมให้เกิดกลไกในการสนับสนุนและสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านได้อย่างเป็นรูปธรรมได้ทั่วทั้งจังหวัด โดยมุ่งหวังว่า จะเกิดความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่จะร่วมกันทำงานอย่างเป็นเครือข่าย โดยมียุทธศาสตร์การดำเนินการ แผนงาน กิจกรรม และ มีเจ้าภาพหลักที่ชัดเจน
และเมื่อวันที่ 5-6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จึงได้มีการจัดโครงการสัมมนาการขับเคลื่อนนครปฐมให้เป็น นครแห่งการอ่าน โดยมี ผู้บริหารองค์กรปกคราองท้องถิ่น ,สถานศึกษา,นักวิชาการ,นักวิชาชีพ,นักศึกษา,ผู้แทนองค์กรสาธารณกุศล ,ผู้แทนภาคประชาชน รวมทั้งสิ้น 80 คน มาร่วมกันปรึกษา หาแนวทางของการ สร้างยุทธศาสตร์ โดยการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ แลกเปลี่ยนแนวคิด ตลอดจนรวมกันวางแผนเพื่อให้โครงการดำเนินไปตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้
ซึ่งในการสัมมนาครั้งนี้ ได้มี การ ระดมความคิดเห็น และประสบการณ์จาก วิทยากรภายนอก เกี่ยวกับ การพัฒนาเครือข่ายเพื่อการขับเคลื่อนและหนุนเสริมการอ่าน กับยุทธศาสตร์ ในการวางแผนเพื่อการจัดกิจกรรมต่างๆที่จะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการทำงาน จาก วิทยากรในแต่ละแขนง อาทิ คุณสุดใจ พรหมเกิด จากแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน, นพ.อุดม เพชรสังหาร จิตแพทย์,ครูชีวัน วิสาสะ นักเขียนนิทานเด็ก, คุณสมปอง มิสสิตะจาก มหาวิทยาลัยศิลปากร, นายชนิตร ภู่กาญจน์ จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า และ นายศิระวุฒิ เอี่ยมกลิ่น จากโรงเรียนสหบำรุงวิชา อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม
สองวันจากการสัมมนา และดูงาน ทำให้เกิดข้อมูลที่น่าสนใจที่เป็นรูปธรรมหลายอย่าง โดยข้อมูลในระดับแรกนี้จะถูกนำไปสังเคราะห์ เพื่อให้พบกับสิ่งที่ดีที่สุด และสิ่งที่จะต้องแก้ไข ซึ่งคาดว่า จากนั้น ก็คงจะต้องมี การประชุมสัมมนาครั้งที่สองเกิดขึ้นอีกครั้งเพื่อตกผลึกข้อมูลเหล่านั้นให้ลงตัวเพื่อจะได้นำเอาไปใช้ปฏิบัติให้เกิดผลต่ามเจดตนารมณ์ของโครงการต่อไป
ขอบคุณที่มาของแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์แนวหน้า — พฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม 2554 01:48:29 น.