มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

แผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่

แผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่  ยืนยัน ปฏิรูปการศึกษาต้องเริ่มตั้งแต่ระดับปฐมวัย

                วันที่ 7-8 มกราคม 2559ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ ภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.) ร่วมกันจัดงานเปิดตัว “แผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่” 4 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2559 – 2562 เพื่อระดมความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วนเพื่อปฏิรูปการศึกษา ภายใต้แนวคิด “ร่วมมือ แบ่งปัน สร้างสรรค์การศึกษา รักษ์คุณค่าเชียงใหม่”

            ในงานนี้มีการสัมมนาที่น่าสนใจทั้งหมด 16 ประเด็น 16 ห้องสัมมนา เช่น  หลักสูตรรักษ์เชียงใหม่ การจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำ ภูมิปัญญาเชียงใหม่สู่การปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ เด็กพิเศษที่ต้องเหลียวมอง สอน เรียน เปลี่ยนสุข เป็นต้น โดยหัวข้อหนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ การสัมมนา หัวข้อ ‘ปฐมวัยรากแก้วแห่งชีวิต’ ซึ่งได้รับเกียรติจากนักวิชาการและผู้นำการขับเคลื่อนการศึกษาที่หลากหลาย อาทิ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิกลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต รศ.ดร.จุฑามาศ โชติบาง อาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน นางทองเหรียญ อินต๊ะพิงค์ นายกสมาคมผู้ดูแลเด็กศรีนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่

                รศ.ดร.จุฑามาศ โชติบาง กล่าวว่า การศึกษาวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมเพื่อป้องกันปัญหาเด็กอ้วนในระดับปริญญาเอก เป็นจุดเริ่มที่ทำให้ตระหนักว่า การปลูกฝังและหล่อหลอมพฤติกรรมต้องเริ่มตั้งแต่ระดับปฐมวัย จึงเข้ามาพัฒนาโครงการ COACT (Capacity of A Community Treasures) เพื่อพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัยอย่างมีส่วนร่วมตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2548 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ความร่วมมือจากองค์การปกครองส่วนท้อง และที่สำคัญคือชุมชน พ่อ แม่ ผู้ปกครองตระหนักว่า การพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัยเป็นความรับผิดชอบร่วมของทุกคน เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การพัฒนางาน 5 ระบบหลัก คือ 1.ระบบบริหารจัดการ 2.ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม 3.ระบบการจัดการหลักสูตรการจัดประสบการณ์เรียนรู้ 4.ระบบการดูแลสุขภาพ และ 5.ระบบการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน  ประสบความสำเร็จด้วยดี   

                นางทองเหรียญ อินต๊ะพิงค์ กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาจะหลงลืมกลุ่มเด็กไม่ได้รวมถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดาด้วย ซึ่งจากการทำงานที่ร่วมมือกับ โครงการ COACTและการสนับสนุนจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลค่อนข้างชัดเจนหลายเรื่องคือ 1. ครูศูนย์พัฒนาศูนย์เด็กเล็กมีความรู้มากขึ้น และจัดการเรียนรู้ให้แก่เด็กโดยใช้ข้อมูลทางวิชาการมากขึ้น 2. ครู ศพด.บรรจุเป็นข้าราชการและได้รับการยอมรับจากชุมชนมากขึ้น 3. เด็กมีสุขภาพ โภชนาการที่ดี สามารถป้องกันโรคได้

              illustration 1

      ด้านนางสุดใจ พรหมเกิด กล่าวว่า ตลอดระยะ 6 ปี ที่แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านขับเคลื่อนเรื่องการอ่าน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กปฐมวัยพบว่า การอ่านหนังสือภาพและนิทานให้เด็กๆฟังอย่างต่อเนื่อง สามารถบ่มเพาะพฤติกรรมที่ดีให้แก่เด็กได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดังกรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่ จังหวัดยโสธร จังหวัดระนอง ฯลฯจึงเชื่อมั่นว่าหนังสือภาพและนิทาน เป็นเครื่องมือที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอน จึงอยากให้ชุมชนและผู้ปกครองตระหนักถึงความสำคัญของการเลี้ยงดูและการจัดการเรียนรู้ให้แก่เด็กโดยใช้หนังสือและการอ่าน  โดยเฉพาะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ซึ่งเป็นกลไกระดับพื้นที่สามารถสร้างปฏิบัติการการอ่าน ให้เกิดขึ้นอย่างประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายพื้นที่ ในส่วนของแผนงานฯ จะรณรงค์และผลักดันให้เกิดสวัสดิการหนังสือดีให้แก่เด็กๆต่อไป เพราะจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำให้แก่เด็กๆทุกคน

                นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ กล่าวในการบรรยายพิเศษ หัวข้อ“สถานการณ์เด็กปฐมวัยในประเทศไทยและหลักการสร้างเสริมพัฒนาการเด็ก”ว่า การลงทุนพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสูงสุด เพราะเป็นช่วงแห่งโอกาสทองในการเรียนรู้ หรือ หน้าต่างแห่งโอกาส  ซึ่งหากเด็กได้นับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสมจะช่วยให้มีพื้นฐานที่ดีต่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจของ กรมอนามัยกลับพบว่า เด็กไทยมีพัฒนาการที่ต่ำกว่ามาตรฐานถึงร้อยละ 30 โดยเฉพาะด้านภาษาซึ่งการมีพัฒนาการล่าช้าตั้งแต่ระดับปฐมวัยซึ่งจะทำให้ เด็กมีแนวโน้มที่จะมีพัฒนาการที่ล่าช้ามากขึ้นเมื่อเติบโตขึ้น จึงอยากให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญอย่างสูงสุดของการพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน เพราะจะส่งผลดีให้แก่ประเทศในระยะยาว

                ด้านครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เข้าฟังการสัมมนาตลอดช่วงเช้าและบ่ายได้ร่วมกันสะท้อนมุมมองในช่วงสุดท้ายของการสัมมนาว่า ต้องการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้มีคุณภาพเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการและมีพฤติกรรมที่ดี เป็นเด็กที่กล้าแสดงออก มีวินัย ฯลฯ จึงจะร่วมมือกับคณะปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยต่อไป

                และนี่คือ อีกหนึ่งบรรยากาศแห่งความหวัง จากงานเปิดตัว “แผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่” 4 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2559-2562

               illusrtration 2
               illustration 3

               illustration 4