มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

“แท็บเล็ต : มองมุมกว้าง สร้างปัญญาเด็กไทย?”

สสย.จับมือ แผนการอ่านฯ-มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล วิพากษ์นโยบายแจก “แท็บเล็ต” นักวิชาการเด็ก แนะ ควรมีช่วงเตรียมความพร้อม หวั่น เทคโนโลยีทำเด็กเครียด-สร้างความเลื่อมล้ำในเด็ก เสนอ ทำหลักสูตรรู้เท่าทันสื่อ

 เมื่อวันที่ 5 กันยายน เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเอเชีย ราชเทวี กทม. แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) ร่วมกับ แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน-มูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดเสวนาเรื่อง “แท็บเล็ต : มองมุมกว้าง สร้างปัญญาเด็กไทย?”

 น.ส.ศรีดา ตันทะอธิพานิช มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า นโยบายการแจกแท็บเล็ตให้กับเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ถือว่าเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก แต่นโยบายต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้ ควรดูความพร้อมของเด็ก ผู้ปกครอง ครูและระบบการศึกษา รวมถึงต้องดูเนื้อหาที่เหมาะสมควรใส่เข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม เห็นว่าควรให้เวลาในการเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้านก่อน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ของเด็ก

 นพ.สุริยเดว ทรีปาตี สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่า การจะเริ่มนโยบายแจกแท็บเล็ต ต้องดูพัฒนาการตามวัยของเด็ก เพื่อช่วงรอยต่อหลังจบอนุบาล 3 และขึ้นชั้นป.1 วิถีชีวิตของเด็กจะเปลี่ยนไป เป็นช่วงที่เด็กมีความเครียด เพราะต้องปรับตัว ปรับพื้นฐานให้เข้ากับระบบโรงเรียนหรือระบบการเรียนการสอนที่เริ่มมีหลักสูตรต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองและครู ก็อยู่ในภาวะเดียวกัน ซึ่งในช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเด็ก ครู และผู้ปกครอง ต้องอาศัยวิถีชีวิตเพื่อให้เกิดการปรับตัวมากกว่าการใช้เทคโนโลยี แต่หากเมื่อรัฐบาลมีนโยบายออกมาแล้ว หากจะใช้จริงก็ไม่ควรใช้ในเทอมแรก เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการปรับตัว ภาระจะไปตกที่ครู หรือผู้ปกครอง

“การแจกแท็บเล็ตให้กับเด็กนักเรียน ป.1 คิดว่ายังไม่ใช่วัยที่เหมาะสมวัยที่เหมาะน่าจะเป็นเด็กที่โตกว่านี้ เช่น ป.4 ทั้งนี้ต้องมีการเตรียมควมพร้อมสำหรับเด็ก ครู และพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้งควรมีหลักสูตรรู้เท่าทันสื่อให้เรียนรู้ไปพร้อมกันด้วย หากเตรียมการไม่ดี จะส่งผลเสียต่อตัวเด็กได้ ควรจะพัฒนาเทคโนโลยีนี้ไปช่วยให้เด็กกลุ่มพิเศษที่มีปัญหาเรื่องการเรียน ปัญหาพัฒนาการช้า หรือกลุ่มเด็กพิการ ซึ่งอาจจะไม่ได้อยู่ในระบบโรงเรียน เพื่อช่วยให้เด็กเหล่านี้ได้เรียนรู้ตามรูปแบบของตน ซึ่งจะช่วยลดภาวะความเหลื่อมล้ำในกลุ่มเด็กลงได้” นพ.สุริยเดว กล่าว

 นายฉัตรชัย เชื้อรามัญ ขบวนการตาสับปะรด กล่าวว่า ควรสรุปบทเรียนจากเรื่องการแจกคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนเมื่อหลายปีก่อน ว่าสามารถพัฒนาผู้เรียนและการศึกษาไทยได้อย่างไร มาเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบายนี้ และคิดว่าต้องทำประชาพิจารณ์สร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันหาแนวทางพัฒนาการใช้เทคโนโลยี่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็กเยาวชนและการศึกษาของชาติ
“ต้องให้ความสำคัญกับการจัดทำข้อมูล หรือเนื้อหาสาระที่จะบรรจุไปในแท็บเล็ตที่จะแจกเด็ก เพื่อให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ควรมีการเตรียมความพร้อมทั้งตัวเด็ก ผู้ปกครอง ครู หลักสูตรต่างๆ รวมถึงระบบโครงข่ายอินเตอร์เน็ตทั้งในโรงเรียน และชุมชน” นายฉัตรชัย กล่าว

 ศ.ดร.พฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การพัฒนาเทคโนโลยี่เพื่อการศึกษาต้องมีความระมัดระวัง เพราะจะเป็นดาบสองคมได้ ซึ่งสำหรับนโยบายการแจกแท็บเล็ตของรัฐบาลหากมีการบริหารจัดการอย่างมีกลยุทธ์จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็กและประเทศชาติ แต่หากไม่สามารถจัดการบริหารได้จะมีแต่ผลเสีย

“การบริหารจัดการดีมีกลยุทธ์จะช่วยเสริมสร้างพลังในการเรียนรู้ของผู้เรียน ทำให้รู้เท่าทันโลก แต่หากบริหารจัดการไม่ดีเด็กจะเสียรู้ และเป็นอันตราย การบริหารจัดการดีมีกลยุทธ์จะช่วยเสริมพลังสมองในการคิดสร้างสรรค์ของเด็ก แต่หากบริหารจัดการไม่ดีเด็กจะใช้พลังสมองไปทำร้ายสังคม และการบริหารจัดการดีมีกลยุทธ์จะช่วยเสริมสร้างพลังในการสร้างนวัตกรรม มากกว่าบริโภคนวัตกรรม แต่หากบริหารจัดการไม่ดีเด็กจะบริโภคนวัตกรรมอย่างเดียว”

น.ส.เข็มพร วิรุณราพันธ์ สถาบันสื่อเพื่อเด็กและเยาวชน(สสย.) มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก กล่าวว่า เนื้อหาที่จะไปพร้อมกับเทคโนโลยี มีความสำคัญมาก ต้องมีการออกแบบที่เหมาะสม ควรจะได้มีการศึกษาเรื่องนี้ให้มากกว่านี้ ต้องให้เกิดการมีส่วนร่วม ไม่ใช่ผูกขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีเนื้อหา และกระบวนการที่จะสอนเด็กให้เด็กรู้เท่าทันสื่อ รู้เท่าทันสารสนเทศ และเทคโนโลยี โดยต้องมีกระบวนการอบรมเตรียมความพร้อมครูทั่วประเทศ ให้เท่าทันก่อนเพื่อจะสอนเด็กได้

 

  

บรรยากาศผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน    

ผู้เ้าร่วมต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ทำให้ได้หลากหลายแนวคิดเกี่ยวกับนโยบายนี้     คุณศรีดา ตันทะอธิพานิช มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยและผู้จัดการแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.)