Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

เปิดตัว “เครือข่ายองค์กรรักการอ่าน” ขานรับวาระการอ่านแห่งชาติ

 

เปิดตัว “เครือข่ายองค์กรรักการอ่าน” ขานรับวาระการอ่านแห่งชาติ

        แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. จัดเวทีสัมมนา “มุมหนังสือ – ห้องสมุด และการสร้างบรรยากาศสิ่งแวดล้อม เพื่อการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ครั้งที่ 1”  เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2553 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 34 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ  โดยได้เชิญผู้แทนจากองค์กรต่างๆ อาทิ  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ,การรถไฟแห่งประเทศไทย ,บริษัท ขนส่ง จำกัด ,บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด  ,สำนักการแพทย์  กรุงเทพมหานคร และบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมประชุมหารือแนวทางการสร้างกิจกรรมกระตุ้นส่งเสริมการอ่านภายในองค์กรต่างๆ และเอื้อต่อการสร้างบรรยากาศแก่ผู้มารับบริการ รวมถึงชุมชนรอบๆ เพื่อผลักดันให้เกิดการส่งเสริมการอ่านสนับสนุนวาระการอ่านแห่งชาติ ในการสัมมนาครั้งนี้ได้เชิญ นางผานิต  เกิดโชคชัย  ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนางสาวมณฑกาญจน์   ศรีวิลาศ  หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมสนทนา
 
       นางผานิต  เกิดโชคชัย  กล่าว “ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมุมหนังสือสำหรับเด็ก และลูกหลานของพนักงาน รวมทั้งเด็กในชุมชนคลองเตยที่อยู่รอบๆ โดยจัดตั้งเป็น “ห้องสมุดเพลิน” มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเล่านิทาน เปิดโอกาสให้เด็กๆ ในชุมชนได้หมุนเวียนเปลี่ยนเป็นผู้นำในการดูแลเพื่อนๆ ขณะรับบริการ  และเรามีความคิดว่าห้องสมุดมีแต่รอคนเข้ามาใช้บริการ ทำไมเราไม่เดินออกไปหาคนข้างนอกบ้าง เลยเกิดไอเดียขึ้นมา จึงได้จัดมุมหนังสือที่ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา คนทั่วไปสามารถมานั่งอ่านได้  มีเปิดบริการยืมหนังสือด้วย”
 
      “อีกกิจกรรมหนึ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำคือ โครงการเซ็ท คอนเนอร์  คือชุดหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการออม เพราะเป็นพันธกิจหลักของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการให้ความรู้เรื่องการออม การลงทุนแก่ประชาชน หนังสือชุดนี้ได้วางบริการตามตามมหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่างๆ ร้อยกว่าแห่ง  ”
 
       นางสาวมณฑกาญจน์   ศรีวิลาศ  ได้เล่าถึงภาระกิจ  “ทางผู้ว่าฯ การรถไฟฯ มีนโยบายที่จะเปิดห้องสมุดปีละ 10 แห่ง โดยจะจัดทำห้องสมุดในรูปแบบโบกี้รถไฟ ตอนนี้ได้ลงมือเปิดบริการแล้วที่ จ.สุรินทร์ , จ.บุรีรัมย์  พบว่าประชาชนเข้าถึงห้องสมุดได้มาก มีนักเรียนมาใช้บริการหนาแน่น จนมีการเรียกร้องให้เปิดอีกสาขาเลยทีเดียว หรืออย่างที่ จ.เชียงราย เราได้เปิดห้องสมุดโบกี้ โดยแบ่งเป็น 3 โบกี้ แต่ละโบกี้จะประกอบด้วยหนังสือแนวศาสนา ภาษา และหนังสือพระราชนิพนธ์ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นๆ มาติดต่อร่วมจัดทำห้องสมุดรถไฟแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา”
 
      คุณวนิดา  สิริมังคลกิตติ  บรรณารักษ์ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด  เล่าถึงกิจกรรมของไปรษณีย์ “ทางบริษัทไปรษณีย์ไทยได้เปิดห้องสมุดสำหรับพนักงานขององค์กรเอง หนังสือทุกเล่มทางเราจะจัดซื้อเองมีระบบยืม – คืนหนังสืออาทิตย์ละ 2 ครั้ง เราจะหมุนเวียนหนังสือไปให้ยืมถึงที่ด้วย  และคิดว่าการเปิดบริการมุมหนังสือในที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแก่ผู้ที่มาใช้บริการ ตามที่แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. เสนอนั้น น่าสนใจมากเลยค่ะ หรือแม้แต่การพิมพ์ข้อความรณรงค์ส่งเสริมการอ่านตามหน้าซองจดหมาย”
 
       นางสาวปราณี  เลาหพิบูลย์กุล สำนักการแพทย์  กรุงเทพมหานคร “สำนักการแพทย์ได้เปิดห้องสมุดทุกโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ สำหรับผู้ป่วยเราได้ทำมุมหนังสือเล็กๆ ไว้บริการ  ภายในมุมหนังสือมีการติดแผ่นป้ายความรู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้อ่านตามอัธยาศัย   และกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่สำนักการแพทย์ทำอยู่ในขณะนี้ที่วชิระพยาบาล และโรงพยาบาลกลาง คือ กิจกรรมอ่านเสียงตามสาย เพื่อให้ผู้ป่วยได้ผ่อนคลาย”
 
       นายสุทธิพงษ์  ธีระไวยะ ตัวแทนบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจง “ห้องสมุดของท่าอากาศยาน จะเปิดบริการแห่ทางพนักงานในองค์กร ขณะนี้กำลังทำการปรับปรุง การได้มาร่วมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ได้มุมมองใหม่ๆ  สำหรับข้อเสนอในการจัดมุมหนังสือเพื่อให้บริการผู้โดยสารระหว่างรอขึ้นเครื่อง ในพื้นที่สนามบินต่างๆ  จะได้นำเรียนทางองค์กรด้วย”
 
       นางสาวจุฑามาศ  แย้มกลิ่น ฝ่ายงานนวัตกรรมและเทคโนโลยี กองพัฒนาทรัพยากรบุคคล บริษัท ขนส่ง จำกัด พูดเสนอ  “นอกจากงานบริการแก่บุคลากรแล้ว บริษัท ขนส่ง จำกัด มีแผนที่จะเปิดห้องสมุด หรือมุมหนังสือตามสถานีขนส่งผู้โดยสารต่างๆ ในอนาคต เพื่อให้ผู้โดยสารที่ต้องนั่งรอขึ้นรถเวลานาน ได้อ่านหนังสือกัน โดยอาจเริ่มเปิดที่สถานีขนส่งหมอชิต เป็นแห่งแรก  จากนั้นจึงค่อยขยายสาขาต่อไปจนครบทั่วทุกภาคและจังหวัด”
 
       ประเด็นที่น่าสนใจจากการแลกเปลี่ยนพบว่า จุดแข็งของแต่ละองค์กรที่เข้าร่วมประชุม คือ สามารถร่วมกันใช้ระบบยืม – คืนหนังสือแบบ Logistic ซึ่งน่าจะมีการใช้ประโยชน์จากตรงนี้ให้มาก เช่น หากมีสาขามาก คนยืมที่ไหนก็สามารถคืนได้ที่สาขาอื่นๆ อาทิ หนังสือชุดของตลาดหลักทรัพย์  หรืออย่างไปรษณีย์ไทย อาจใช้ช่องทางการประทับข้อความรณรงค์ส่งเสริมการอ่านหน้าซองจดหมาย หรือออกแบบแสตมป์ไปรษณีย์ในวาระการอ่านที่สำคัญ

        ส่วนประเด็นอื่นๆ อาทิ เมื่อสามารถบริการให้แก่คนภายในองค์กรอย่างทั่วถึง และสร้างให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าของการแสวงหาความรู้และพัฒนาตนจากการอ่านแล้ว อาจพัฒนาให้เป็นองค์กรต้นแบบที่ให้ความสำคัญต่อการอ่าน อาทิ การมีสวัสดิการให้แก่พนักงานตั้งครรภ์ พนักงานที่มีลูกวัย 0 – 6 ขวบ การมอบของขวัญในวาระ,เทศกาลต่างๆ ด้วยหนังสือ หรือการเชิญชวนพนักงานให้ร่วมบริจาคหนังสือดีแก่ห้องสมุดขององค์กร หรือขยับขยายนำหนังสือหมุนเวียนสู่ชุมชนละแวกใกล้เคียง ฯลฯ เป็นการถ่ายเทจากคนที่มีหัวใจรักหนังสือ เพื่อร่วมแสวงหาแนวทางส่งเสริมการอ่านอย่างเต็มรูปแบบต่อไป
 
 
 
คุณมณฑน์กาญจน์ ศรีวิลาศ คุณผานิต เกิดโชคชัย เเละคุณสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการเเผนงานสร้างเสริมการอ่าน กล่าวเปิดการสัมนา
 
 
 
คุณมณฑน์กาญจน์ เเละคุณผานิต ร่วมอภิปราย
 
 
 
ผู้เเทนจาก บริษัท ขนส่ง จำกัด
 
 
 
 
คุณธรรมนูญ  ครองบุญเรื่อง เเละคุณมริน เปรมปรี ฝ่ายวิชาการ เเผนงานฯ ร่วมนำเสนอวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการอ่าน
 
 
 
ผู้เเทนจากไปรษณีย์ไทย เเละการท่าอากาศยานฯ
 
 
 
 
เรียบเรียงเเละภาพ โดย : อภิชาติ  โสภาพงศ์  แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน