มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

สร้างหนังสือเล่มแรกให้ลูกรักที่เลาขวัญ…โดย ครูแต้ว ระพีพรรณ พัฒนาเวช

                                                                       สร้างหนังสือเล่มแรกให้ลูกรักที่เลาขวัญ
โดย ครูแต้ว ระพีพรรณ พัฒนาเวช
วันที่ 23-24 กันยายน 2557
ณ ห้องประชุมโรงเรียนเลาขวัญราษฎร์บำรุง อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
    เมื่อทราบว่าจะได้มาเป็นวิทยากรเรื่อง การพัฒนาเด็กปฐมด้วยหนังสือภาพ นิทาน ศิลปะ และสื่อสร้างสรรค์ ที่อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ผู้เขียนรีบเปิดแผนที่ทันทีเพื่อหาว่าอำเภอเลาขวัญนั้นอยู่ส่วนไหนของเมืองกาญจน์ เพราะเคยแต่ได้ยินชื่ออำเภอเลาขวัญแต่ไม่เคยไปหรือแม้แต่ผ่าน ดังนั้น จึงรู้สึกตี่นเต้นดีใจตามปกตินิสัย
    เราใช้เวลา 2 วัน พูดคุยทำความเข้าใจเรื่องหนังสือสำหรับเด็ก และความคิดหลักที่จำเป็นในหนังสือสำหรับเด็กเล็ก และฝึกฝนการทำภาพประกอบสำหรับผู้ที่คิดว่าตัวเองวาดรูปไม่เป็น จนกระทั่งสำเร็จเห็นผลงานกันเป็นรูปเล่มหนังสือเล็กๆ ทว่างดงามและมีคุณค่า เป็น 2 วันที่สนุกสนาน เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และยิ่งเมื่อถึงช่วงสุดท้ายผู้เข้าอบรมยิ่งเบิกบาน ไม่ใช่เพราะดีใจที่จะได้กลับบ้านเสียที แต่เป็นช่วงเวลา “อวดงาน” ทุกคนต่างจดจ้องว่าวิทยากรจะยกตัวอย่างงานของฉันหรือเปล่า พร้อมๆ กับหัวเราะสนุกสนานและมีความสุขไปกับผลงานของเพื่อนผู้เข้าร่วมอบรม

 
    ในการอบรมแต่ละครั้ง วิทยากรได้รับความอิ่มใจกลับมาทุกครั้ง เพราะความตั้งใจเมื่อแรกเริ่มที่จะให้ทุกคนที่เข้าร่วมรับการอบรมเข้าใจหนังสือสำหรับเด็กมากขึ้น เห็นความสำคัญของหนังสือและการอ่านมากขึ้น  ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การสร้างสรรค์หนังสือเล่มแรกเพื่อลูกรักเพื่อให้ทุกคนได้ประจักษ์ผ่านการลงมือทำงาน และยิ่งเมื่อได้เห็นผลงานอันหลากหลายของเพื่อนร่วมห้องในวันสุดท้ายพร้อมคำแนะนำเพิ่มเติมจากคณะวิทยากรก็ยิ่งเชื่อว่าผู้เข้าอบรมจะเข้าใจหนังสือเด็กมากขึ้นแน่นอน ส่วนความอิ่มใจสำหรับวิทยกรก็ไม่พ้นการได้เห็นผลงานที่น่าสนใจ น่าสนุกและเกิดจากความตั้งใจของผู้เข้าอบรมทุกคนนั่นเอง ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกทุกครั้งตลอด 3 ปีของการอบรมหลักสูตรนี้

   
    เราเริ่มต้นกิจกรรมสนุกและผ่อนคลายที่หลายคนมีส่วนร่วมอย่างสนุกสนาน ขณะที่อีกหลายคนยังงง ถึงงงมากว่า “ฉันมาถูกงานหรือเปล่านี่ อยู่ๆ ก็ให้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง” ทว่ากิจกรรมเริ่มต้นนี้มิใช่เพียงเพื่อความสนุกเท่านั้น แต่มีหลักคิดอยู่ว่า  เมื่อเราจะทำงานกับเด็ก เราต้องรู้สึกอย่างเด็กให้ได้เสียก่อน หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะง่ายดาย เช่น ถ้าเรารู้สึกสนุกกับกิจกรรมสำหรับเด็ก หรือสนุกกับการได้ฟังนิทาน แน่นอนว่าเด็กตัวจริงก็ย่อมรู้สึกไม่ต่างจากเรา สลับกับการฟังแบบผู้ใหญ่คือ ฟังเรื่องราวที่เต็มไปด้วยเหตุผล และประโยชน์นานัปการของกิจกรรมการอ่าน จนกระทั่งมาถึงการลงมือปฏิบัติ เมื่อครูปุ่น วิทยากรงานศิลปะชวนผู้เข้าอบรมทำกิจกรรม ”ขูด ฉีก ตัด ติด และต่อเติม” ความโกลาหลเล็กๆ ก็เริ่มต้น เพราะทุกคนมุ่งมั่นเอาจริงเอาจริงกับเทคนิคที่ครูปุ่นแนะนำ เมื่อขูดลายมาได้ก็อวดกัน แบ่งปันกัน และออกไปขูดตามกันอีกรอบ !

 
      ผลงานชิ้นแรกสวยงามน่าประทับใจสมกับความตั้งใจจริงๆ ก่อนจะถึงงานศิลปะชิ้นที่สอง ก็ต้อง “โชว์งาน” กันหน่อย หลังจากได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะชั้นแรก ได้แสดงผลงานและผลัดกันชื่นชมผลงานแล้ว หลายคนเริ่มมีกำลังใจและแรงบันดาลในการทำงานศิลปะมากขึ้น เราจึงกลับมาลงรายละเอียดในเนื้อหาของหนังสือสำหรับเด็กเล็กกันต่อ
 องค์ประกอบหลักของหนังสือสำหรับเด็ก ได้แก่ ภาพ ภาษาและเนื้อหา และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพชัดขึ้น วิทยากรจึงเสนอตัวอย่างหนังสือสำหรับเด็กเล็กประกอบไปด้วย ซึ่งมักจะเป็นดาบสองคมเสมอ กล่าวคือด้านหนึ่งผู้เข้ารับการอบรมจำนวนหนึ่งเข้าใจแจ่มแจ้ง ส่วนอีกด้านก็ได้ตัวอย่างสำหรับทำตามร้อยเปอร์เซนต์ !

 
      มาถึงกิจกรรมศิลปะชิ้นที่สอง มีการเพิ่มโจทย์เล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้นำเทคนิคที่ได้ทดลองแล้วในงานทั้งสองชิ้นไปต่อยอดทำภาพสำหรับหนังสือเล่มแรกกันต่อไป  เมื่อทุกคนพอเข้าใจแล้วว่าเนื้อหาในหนังสือหนังสือสำหรับเด็กเล็กควรเล่าอะไร เล่าอย่างไร ใช้ภาษาอย่างไร ภาพประกอบที่เหมาะสมเป็นอย่างไรแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการวางเค้าโครงการดำเนินเรื่อง หรือ Storyboard ที่ดูเหมือนจะเป็นความทุกข์ของทุกคน เพราะเป็นขั้นตอนที่ไม่เคยพบเจอ จึงยากที่จะนึกออกหรือทำความเข้าใจได้ในเวลาอันสั้น เหล่าวิทยากรจึงต้องมี “ความมั่นคง” เป็นพิเศษ ต้องไม่หวั่นไหวไปกับความงุนงงของผู้เข้าอบรม มิเช่นนั้นแล้ว เราคงข้ามหรือยกเลิกขั้นตอนนี้ไปตั้งแต่เริ่มทดลองหลักสูตรกันแล้ว แต่คณะเรายังเห็นตรงกันว่า เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อความเข้าใจในการทำหนังสือ แม้จะทำเพื่อใช้ในครอบครัวก็ตามที

     
      หลังจากฝึกฝนฝีมือ ทำความเข้าใจ และวางเค้าโครงเรื่องกันแล้ว ก็มาถึงช่วงเวลาแห่งความสงบ เพราะเมื่อถึงเวลาลงมือทำภาพประกอบคราใด ห้องเรียนจะสงบได้อย่างน่าอัศจรรย์ทุกคราวไป บรรยากาศในห้องเงียบกริบราวกับไม่มีคนอยู่ ถึงเวลาพักรับประทานของว่างก็ไม่มีใครลุก และเป็นเช่นนี้ทุกครั้งทุกแห่งที่เราทำการอบรม ความเงียบสงบยาวนานไปจนถึงเวลาส่งผลงานเป็นเล่ม เสียงหัวเราะร่าเริงกลับคืนมาอีกครั้งเมื่อมีการ “อวดงาน”

 
      มิใช่เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม หรือคำชื่นชมใดๆ ทว่าเป็นผลงานที่เกิดจากความตั้งใจของผู้เข้ารับการอบรม ตลอดจนคำมั่นว่า “เราจะไม่หยุดอยู่เท่านั้น เราจะทำต่อ เดินต่อ จะทำหนังสือเล่มต่อๆ ไปให้ลูกของเรา” นี่ต่างหาก คือผลตอบแทนอันนำมาซึ่งความอิ่มใจ ชื่นใจจนวิทยากรหายเหนื่อย เดินทางกลับบ้านด้วยรอยยิ้มตลอดเส้นทาง