สร้างสมองให้ฉลาดและพัฒนาศักยภาพทุกด้านให้ลูกใช้หนังสือเสริมได้ตั้งแต่ 4 เดือน
สร้างสมองให้ฉลาดและพัฒนาศักยภาพทุกด้านให้ลูกใช้หนังสือเสริมได้ตั้งแต่ 4 เดือน

แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้จัดเวทีสานพลัง“พัฒนาสมองและพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้วยหนังสือ : จุดคานงัดสำคัญของการสร้างศักยภาพเด็กและเยาวชนด้วยนโยบายชุมชนท้องถิ่น” ขึ้นในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา
คุณสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่าในแต่ละปีประเทศไทยมีเด็กเกิดใหม่จำนวนกว่า ๘ แสนคน และมีเด็กปฐมวัย ที่มีอายุระหว่าง ๐-๕ ปีจำนวนเกือบ ๕ ล้านคน แต่พบว่า มีเด็กจำนวนมากกว่า ๑ ล้านคน ที่มีพัฒนาการไม่สมวัย จากการทำงานด้านการส่งเสริมการอ่านในเด็กปฐมวัยร่วมกับเครือข่ายพบว่า การอ่านหนังสือสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้ และทำได้ง่าย ๆ มีรูปธรรมชัดเจนในหลาย ๆ ชุมชนท้องถิ่น ที่ได้ใช้หนังสือช่วยพัฒนาพัฒนาการเด็กในช่วง ๐-๖ ปี แรกของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่เรียกว่า “หน้าต่างแห่งโอกาส”หรือ ระยะวิกฤตของพัฒนาการของสมองที่สามารถบ่มเพาะทั้งด้าน IQ EQ และMQ ของเด็ก ๆ ได้
รศ.พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โครงการพัฒนาศักยภาพประชากรไทย คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดีเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสงเสริมพัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิด โดยมีผลการสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ถึงปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพัฒนาการรวมของเด็กปฐมวัย ประจำปี ๒๕๕๓โดยพบว่า การเล่านิทานและการอ่านหนังสือมีความสัมพันธ์กับพัฒนาการโดยรวมของเด็กปฐมวัยอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งพ่อแม่สามารถเริ่มการอ่านหนังสือให้เด็กฟังตั้งแต่อยู่ในท้องหรือในระยะ ๔ เดือนที่สายตาเริ่มจับภาพได้ชัดเจนขึ้นและยืนยันว่า เด็กๆ สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากการได้ยินและเห็นจากหนังสือภาพ หากละเลยช่วงวัยนี้พ่อแม่จะพลาดโอกาสในการสร้างสติปัญญา ความรู้ ให้กับลูก โดยหากพ่อแม่อ่านนิทานอย่างสม่ำเสมอทุกวันๆ ละ ๑ เรื่องตั้งแต่อายุ ๔ เดือน จนกระทั่งถึงอายุ ๒๔ เดือน เด็กจะได้ฟังนิทานและเรียนรู้เรื่องราวจากนิทานได้ถึง ๕๕๐ เรื่อง
คุณบุญยัง วังเปรม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขามจังหวัดสุพรรณบุรีนำเสนอว่า การทำงานเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กเป็นหน้าที่โดยตรงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สามารถดำเนินการได้ไม่ยากโดย อบต. หนองขาม เริ่มทำงานส่งเสริมการอ่านในเด็กปฐมวัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เริ่มต้นจากโครงการหนังสือเล่มแรก (bookstart) ที่มีการแจกถุงหนังสือพร้อมของเล่นให้แก่เด็กแรกเกิดจนถึงหนึ่งขวบ แทนการแจกชุดเครื่องใช้สำหรับเด็กแรกเกิด เช่น แชมพู น้ำยาซักผ้าอ้อม แปรงล้างขวดนม เป็นต้น ขณะนี้ยังได้ดำเนินการต่อเนื่องด้วยโครงการสื่อสร้างสรรค์ห้องสมุดมีชีวิตจนเห็นผลเชิงประจักษ์ มีผลทำให้เกิดนโยบายตำบลหนองขามเป็นตำบลแห่งการอ่านในปี ๒๕๕๖ รวมทั้งมีการจัดทำข้อบัญญัติงบประมาณเพื่อดำเนินงานส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่อง
คุณพนมวรรณ คาดพันโน นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธรนำเสนอถึงประสบการณ์การทำงานส่งเสริมการอ่าน ของโครงการครอบครัวต้นแบบส่งเสริมการอ่าน โดยมีแม่ต้นแบบส่งเสริมการอ่าน ๕๐ คน ที่อ่านหนังสือให้ลูกหลานฟังอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับบุตรหลาน และความอัศจรรย์ของพัฒนาการของเด็กๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้คนทำงานต่างก็มีความสุข เช่น กรณีของครอบครัวที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่เป็นใบ้ขอเข้าร่วมโครงการฯ เพราะเกรงว่าลูกที่เกิดมาจะเป็นใบ้ไปด้วย ใช้วิธีขอให้คุณยายอ่านหนังสือให้หลานฟัง หรือเมื่อเด็กร้องไห้ไม่หยุด คุณแม่จะอุ้มลูกไปหาเพื่อนบ้าน ให้เพื่อนบ้านอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ซึ่งลูกจะหยุดร้องไห้ทุกครั้ง ปัจจุบันเด็กคนนี้โตขึ้น ก็สามารถพูดได้และเป็นเด็กที่เรียนหนังสือได้ดีด้วย
คุณสุดใจ พรหมเกิด ได้กล่าวเชิญชวนก่อนปิดเวทีนี้ว่ายังมีอีกหลายกรณีที่เครื่องมือง่าย ๆ อย่างการอ่านได้สร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้น ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน ตำบล หรือแม้กระทั่งจังหวัด ทางองค์กรร่วมขับเคลื่อนการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านจึงขอเชิญชวนผู้สนใจ หน่วยงานและจังหวัดต่าง ๆ ให้ร่วมพัฒนาข้อเรียกร้องสำคัญ ๆ เพื่อนำมาสู่รูปธรรมของปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพเด็กด้วยหนังสือ โดยสามารถเสนอแนะและเข้าร่วมโครงการต่าง ๆได้ที่ www.happyreading.in.th

