Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

รัฐบาล ให้ความสำคัญมาตรการภาษีหนุนการอ่านหนังสือ

    

     นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 มีมติให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ไปหารือกับคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำมาตรการทางภาษีเชิงรุกมาใช้เพื่อสนับสนุนการอ่าน โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีในธุรกิจหนังสือ  รวมถึงนิตยสารและหนังสือพิมพ์ เข้าอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0% ให้ได้ข้อยุติแล้วนำมาเสนอให้ครม.พิจารณาภายใน 1 เดือน

      ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ระบุต่อที่ประชุม ครม.ว่าขอดึงเรื่องดังกล่าวกลับเข้าไปสู่การพิจารณาของครม.เอง ทั้งๆ ที่ตามกระบวนการ กระทรวงศึกษาธิการต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังก่อน แต่เนื่องจากต้องการรับฟังความเห็นของ ครม.ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ขณะที่นายประดิษฐ์  ระบุว่า แม้จะเห็นด้วยกับมาตรการนี้ โดยเฉพาะการลดหย่อนภาษีคงไม่มีปัญหา แต่กรณีที่จะให้ธุรกิจหนังสือไม่ถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเรื่องที่ มีความซับซ้อน จึงขอนำเรื่องนี้ไปหารือกับกระทรวงศึกษาธิการก่อน

      สำหรับประเด็นที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้ ครม.พิจารณา มีอยู่ 3 ประเด็นประกอบด้วย
     1.ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริจาคหนังสือ และสื่อเพื่อการศึกษาแก่หน่วยราชการ สถานศึกษา หรือองค์กรการกุศล ของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยกรณีของบุคคลธรรมดาให้ยกเว้นเป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายนั้น แต่ต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนดังกล่าว

      2.ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับค่าใช้จ่ายจากการซื้อหนังสืออ่านเพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว องค์กร โดยบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกินปีละ 10,000 บาท สำหรับนิติบุคคล ให้หักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ 2 เท่า

      3.ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีในธุรกิจหนังสือ รวมนิตยสารและหนังสือพิมพ์ เข้าอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0% จะช่วยให้สำนักพิมพ์สามารถขอคืนภาษีได้เต็มจำนวน ทำให้ต้นทุนในการผลิตหนังสือมีแนวโน้มต่ำลง และราคาหนังสือมีโอกาสลดลงได้ในสัดส่วนเดียวกัน และกระตุ้นการอ่านหนังสือได้มากขึ้น เข้าถึงผู้อ่านได้มากขึ้น ทำให้ธุรกิจหนังสือขยายตัวได้ง่าย

รูปจาก : http://www.meenud.com
ข่าวจาก : http://www.komchadluek.net