“รถเข็นนิทานสานความห่วงใย”
.jpg)
ร่วมร้อยดวงใจ แบ่งนิทาน
ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยเด็ก
กับโครงการ “รถเข็นนิทานสานความห่วงใย”
ยาที่คุณหมอใช้รักษาอาการป่วยให้ อาจเป็นเพียงยาที่รักษาได้แค่ด้านร่างกายเท่านั้น หากแต่จิตใจนั้นเล่า จะมียาตัวไหนมาเยียวยาให้กับเด็กๆ ที่ต้องนอนป่วย ด้วยแววตาที่สิ้นหวังและไร้ความสุข เพียงแค่คิดว่า “ป่านนี้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนคงจะได้เรียนหนังสือ ได้วิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข…นึกถึงเสียงหัวเราะที่เคยหัวเราะร่วมกันเสียงดังเวลาที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ นึกถึงนิทานสนุกๆ ที่คุณครูชอบนำมาเล่าเวลาที่พวกเด็กๆ เริ่มง่วงนอน”……จะมียาชนิดใดเล่าที่จะมาช่วยเยียวยาจิตใจ ให้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของเด็กน้อยให้ชุ่มชื่น เพื่อพร้อมที่จะต่อสู้กับโรคร้ายที่กำลังเผชิญอยู่ ด้วยอาการเจ็บป่วยเรื้อรังได้กัดกร่อนชีวิตของเด็กๆ เหล่านี้ให้ไร้ซึ่งความหวัง หวังว่า…. “หนูอยากไปโรงเรียน อยากไปเรียนหนังสือกับเพื่อนๆ” แต่ดูเหมือนว่าความฝันเดียวที่เด็กๆ เหล่านี้มี ยังคงริบหรี่จนแทบจะมองไม่เห็น….
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่มาของพิธี “ส่งมอบรถเข็นนิทานเพื่อฟื้นฟูผู้ป่วยเด็กในวาระหนึ่งร้อยปี ชาตกาล ศาสตราจารย์นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว” โดย โครงการ “รถเข็นนิทานสานความห่วงใย” ของมูลนิธิเด็ก เพื่อทำการส่งมอบรถเข็นนิทาน จำนวน 100 คัน ให้แก่ผู้ป่วยเด็กตามโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศเพื่อนำไปใช้งานในหอผู้ป่วยใน จำนวนกว่า 64 โรงพยาบาล
นางทศสิริ พูลนวล กรรมการและรองเลขานุการ มูลนิธิเด็กกล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจและความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันในการที่จะฟื้นฟูสภาวะอารมณ์และจิตใจของผู้ป่วยเด็กในโรงพยาบาลให้สดชื่น แจ่มใส เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นไม่ขาดโอกาสในการได้พัฒนาศักยภาพในการค้นคว้าหาความรู้ อีกทั้งยังเป็นการร่วมเชิดชูเกียรติคุณของศาสตราจารย์นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว ในฐานะที่ท่านเป็นแรงบันดาลใจของชนรุ่นหลัง เป็นประธานที่ปรึกษามูลนิธิเด็ก เพราะเพียงแค่หนังสือนิทานที่ทุกท่านได้เห็นกันอยู่นี้ สำหรับผู้ป่วยเด็กแล้วมันมีค่ามากเหลือเกิน
“สำหรับผู้ป่วยเด็ก หนังสือนิทานทำหน้าที่มากกว่าเครื่องแก้เหงา คลายอาการซึมเศร้า หนังสือนิทานเป็นเสมือนหนึ่งเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นยา เป็นเพื่อน เป็นญาติเฝ้าไข้ คอยปลอบประโลมจิตใจ ที่มีผลต่อการรักษาอาการเจ็บป่วยให้ได้ผลอย่างคาดไม่ถึง ขณะนี้เด็กๆ เหล่านี้ไม่เพียงแค่เจ็บป่วยทางกาย แต่พวกเขายังเจ็บป่วยทางใจอีกด้วย เด็กๆ กำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ผ่านความเจ็บป่วยที่พวกเขาเผชิญอยู่ไปได้ และเพื่อโอกาสที่จะได้กลับไปเรียนหนังสือร่วมกับเพื่อนๆ โครงการรถเข็นนิทานที่ท่านได้ช่วยบริจาคสมทบทุนจะเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่สิ้นหวังของเด็กๆ เหล่านี้ จากความซึมเศร้า กังวล หดหู่ ให้มีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคร้ายได้ต่อไป ให้เด็กๆ พร้อมที่จะกลับคืนสู่โลกภายนอกที่สดใสตามวัยของเขาได้อีกครั้ง ได้ดำเนินชีวิตเฉกเช่นเดียวกับเด็กทั่วๆไ ป และพร้อมที่จะเติบโตเป็นคนดีในสังคมต่อไป” นางทศสิริ กล่าว
นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเวศวะสี แสดงปาฐกถาเรื่อง หนังสือนิทานเพื่อการเยียวยาผู้ป่วยเด็ก และเยียวยาสังคม และแพทย์หญิงศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มากล่าวถึงความสำคัญของรถเข็นนิทานต่อการดำเนินโครงการโรงพยาบาลที่เป็นมิตรกับเด็ก พร้อมปิดท้ายด้วยการขับร้องเพลงเด็กดั่งดวงดาว ของน้องๆ จากอนุบาลหมู่บ้านเด็ก-สานรัก อีกด้วย นางทศสิริ กล่าวทิ้งท้าย
ทางด้าน แพทย์หญิงทับทิม ชาติวัฒนธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง กล่าวว่า “เด็กๆ ได้รับความรู้และความสนุกสนานเพลิดเพลิน บันเทิงและสาระมากมายจากหนังสือ ทำให้รักการอ่าน มีสมาธิ สามารถพัฒนาการด้านการอ่าน และรู้จักใช้จินตนาการภาพต่างๆ ขอขอบพระคุณแทนเด็กและผู้ใหญ่ในอำเภอเบตง ซึ่งอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบ ได้มีหนังสืออ่านเพื่อช่วยผ่อนคลายทั้งความเจ็บป่วยที่กำลังเชิญเผชิญอยู่ และได้สร้างโลกแห่งจินตนาการที่มีความสุขให้แก่เด็กๆ อีกด้วย”
สำหรับน้องแหวว เด็กหญิงสุดารัตน์ทวีศักดิ์ สาวน้อยวัยสิบสี่ขวบ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินอาหาร และโรคทางสมอง เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงร่าเริง ซึ่งขัดกับความเจ็บป่วยมากมายที่ปรากฏออกมาทางร่างกายของเธอว่า “หนูชอบอ่านการ์ตูนที่มีสาระความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากที่สุด เพราะช่วยให้ผ่อนคลาย ได้ความรู้รอบตัวด้วย ได้รู้จักสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ และสนุก หนูชอบการ์ตูนมาก ๆ เมื่อก่อนหนูจะยืมหนังสือในรถเข็นนิทานฯ จากคุณครูกลับมาอ่านที่บ้านด้วย แต่เดี๋ยวนี้หนูไม่ได้ยืมแล้ว เกรงใจคุณครูกับเพื่อน ๆ เพราะหนูไม่ได้ไปโรงพยาบาลบ่อยมากอย่างแต่ก่อน” เสียงใสๆ ของสาวตัวไม่น้อยเล่าให้ฟังถึงความมหัศจรรย์จากหนังสือที่เธอชอบอ่าน คุณครูที่เธอพูดถึง คือ ครูประจำโครงการสอนเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังที่ประจำในโรงพยาบาลที่น้องแหววพักรักษาตัว
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะกล่าวว่า นิทานนั้นเปรียบเสมือนเครื่องมือเยียวยาอาการเจ็บป่วย หรือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษา ทำให้หายจากอาการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น และทำให้พวกเขาผ่อนคลาย มีจิตใจอันสงบ เพื่อพร้อมต่อการรักษาพยาบาลในครั้งต่อๆ ไป
น้ำใจจากท่านเพียงคนละเล็กละน้อยเป็นการหยิบยื่นโอกาสที่ดีให้กับเด็กๆ ผู้ไร้ซึ่งความหวัง ที่กำลังประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันทั่วประเทศ โปรดอย่าปล่อยให้เด็กๆ เหล่านี้มีชีวิตที่สิ้นหวัง คุณเองสามารถช่วยให้เด็กๆ เหล่านี้ได้หลุดพ้นจากความมืดมนของชีวิตได้ สนใจบริจาคสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-881-1734 ถึง 5ต่อ 12อีเมล์ children@ffc.or.thและ www.ffc.or.th โครงการรถเข็นนิทาน สานความห่วงใย

