มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

มดง่ามกับจักจั่น นิทานเด็กชาวเขา

การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กๆ ต้องเริ่มต้นตั้งแต่วัยเล็กๆ สร้างบรรยากาศในบ้านในครอบครัว



ด้วยข้อจำกัดทางภาษาของชาวเขาในพื้นที่ห่างไกล ที่พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ อ่านไทยไม่ออกเขียนไทยไม่ได้ อาจเป็นอุปสรรคทางภาษา

แต่ มีพ่อแม่ชาวเขาส่วนหนึ่งมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียนรู้เพื่อหวังสร้างอนาคตที่ ดีให้กับลูกด้วยการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน โดยเข้าร่วมโครงการของแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

หนึ่ง ในนั้นคือครอบครัวของ ยามี พานทอง ชาวเขาเผ่ามูเซอจากจังหวัดลำปาง ที่พาลูกๆ แวะเวียนมาพูดคุยบอกเล่าประสบการณ์ที่กอง บ.ก.ข่าวสด เมื่อไม่นานนี้

สุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กล่าวว่าที่ผ่านมาแผนงานฯ และภาคีเครือข่ายโดยศูนย์เรียนรู้เพื่อครอบครัวเข้มแข็ง จ.ลำปาง สามารถทำให้คนในพื้นที่เกิดการเปลี่ยนแปลงให้กับครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น เช่น ครอบครัวยามีชาวมูเซอเชื้อสายไทย ในอดีตไม่สามารถอ่านเขียนภาษาไทยได้ แต่ฝึกฝนเพื่อต้อง การอ่านนิทานให้ลูกฟังจนปัจจุบันลูกสามารถอ่านเขียนภาษาไทยได้

"ความ น่าสนใจอยู่ที่ผู้เป็นแม่ ถึงแม้จะอ่านหนังสือไม่ออกแต่กระตือรือร้นต้องการใฝ่หาความก้าวหน้าให้กับ ตัวเองและลูกๆ เพราะจะต้องรู้ภาษาไทยเพื่อต้องการให้ชีวิตมีความสุข จึงขวนขวายและผลักดันตัวเองมาเข้าร่วมโครงการ จนประสบความสำเร็จ อยากให้ทุกคนเพียงใส่ใจเรียนรู้จากการหยิบยื่นโอกาสให้กับตนเอง ด้วยการหัดเขียน ฝึกอ่าน และส่งต่อสู่ลูกน้อยจนเกิดเป็นพฤติกรรมรักการอ่านได้เป็นผลสำเร็จ จะทำให้การพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัวเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น"


"มดง่ามกับจักจั่น" นิทานทำมือเล่มแรกในชีวิต


สุด ใจกล่าวต่อว่า อยากให้ทุกครอบครัวตระหนักรู้ถึงคุณค่าการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะการอ่านหนังสือให้กับลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์สามารถทำได้ตั้งแต่ วัย 4-6 เดือน เพื่อกระตุ้นพัฒนาการต่อเนื่องจนถึง 6 ปี การกระตุ้นการอ่านในเด็กเริ่มได้ด้วยการอ่านหนังสือภาพ หนังสือนิทาน ให้เด็กฟังและดูภาพตามไปด้วยโดยใช้เวลาเพียงวันละ 10-15 นาที เลือกหนังสือที่มีเนื้อหาเหมาะสมกับอายุของเด็กจะช่วยลดปัญหาเด็กไทยอ่าน หนังสือไม่ออก อ่านไม่เข้าใจและเขียนไม่ได้ เพราะช่วงอายุดังกล่าวเป็นช่วงที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สมองของเด็กวัยนี้จะมีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดกว่าร้อยละ 80 และยังนำไปสู่การเติบใหญ่อย่างมีคุณภาพ


ครอบครัวยามี พานทอง



      ยามี พานทอง อายุ 32 ปี ชาวเขาเผ่ามูเซอ บ้านฮ่องลี่ ต.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เล่าว่าเมื่อทราบว่ามีโครงการจึงตัดสินใจเข้าร่วมทันที ทั้งๆ ที่ขณะนั้นชาวบ้านบางคนเห็นว่าเป็นชาวเขาและบอกว่าไม่รู้จะรู้หนังสือไปทำไม แต่ตัวเองอยากให้ลูกมีความรู้ได้ทำกิจกรรมกับคนอื่นๆ ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ

 

 

 



"ฉัน เป็นชาวเขา ไม่ได้เรียนหนังสือทำให้เป็นคนไม่รู้หนังสือ แต่ก็ทำทุกอย่าง ต้องการให้ลูกได้เรียนและรู้หนังสือให้ได้โดยเฉพาะภาษาไทย เมื่อได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งแรกกับโครงการรักการอ่านรู้สึกชอบมาก ทำให้รู้ว่าการอ่านหนังสือสำคัญอย่างไร หลังจากนั้นได้รับหนังสือนิทานแจกและได้ทำหนังสือนิทานทำมือกับลูก ตั้งใจว่าจะต้องหัดอ่านหนังสือให้ได้เพื่อจะได้อ่านหนังสือให้ลูกๆ ฟัง" ยามีบอกเล่าด้วยภาษาไทยคล่องแคล่ว

ก่อนเล่าต่อว่า ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นที่ต้องออกไปอ่านหนังสือให้ลูกฟังจากหนังสือนิทานทำ มือที่หัดทำครั้งแรกกับลูก เป็นหนังสือนิทานเล่มแรกในชีวิต ทั้งที่อ่านหนังสือไม่ออกแต่ก็อาศัยเล่าตามภาพ ทุกวันนี้ถ้าได้หนังสือมาจะให้ลูกชายคนโตอ่านให้ฟัง 1 รอบ แล้วจะจำไปอ่านต่อให้ลูกสาวคนเล็กทั้งสองคนฟัง

"ดีใจที่ขณะ นี้เขียนอักษร ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูกได้แล้ว กำลังหัดผสมสระ ตั้งใจว่าจะต้องอ่านและเขียนหนังสือให้ได้เพราะการอ่านมีประโยชน์ทำให้เรา รู้เท่าทันคนอื่น และที่ดีใจที่สุดคือสามารถเขียนชื่อ-นามสกุลได้และอ่านหนังสือตามภาพได้ แล้ว"

ด้าน ด.ช.สิรภพ พานทอง หรือ น้องกอล์ฟ อายุ 13 ปี ลูกชายของยามี ปัจจุบันเรียนอยู่ที่โรงเรียนแจ้ห่มวิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่าว่าแรงบันดาลใจที่พาแม่เข้าร่วมโครงการนี้เพราะอยากได้จักรยานและอยาก ได้ของเล่นเอามาให้น้องๆ ตอนนั้นมีโครงการประกวดหนังสือนิทานทำมือ ซึ่งมีกฎกติกาว่าหนังสือนิทานทำมือจะต้องทำร่วมกับผู้ปกครอง ผมจึงต้องให้แม่มาช่วยทำหนังสือนิทานทำมือด้วย เป็นหนังสือนิทานเรื่อง "มดง่ามกับจักจั่น" สุดท้ายผมได้รางวัลเป็นจักรยาน ดีใจมากที่ได้รางวัล

"ถึง แม้แม่ของผมจะไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ผมก็ช่วยสอนแม่มาเรื่อยๆ จนตอนนี้แม่ผมอ่านออกเขียนได้แล้ว ต่อไปผมจะสอนภาษาไทยให้น้องๆ อ่านออกและเขียนได้ต่อไป ทุกวันนี้ ผม แม่ และน้องๆ จะรวมตัวกันอ่านหนังสือและผลัดกันเล่านิทานให้กันฟัง ในอนาคตผมอยากเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งๆ เพราะประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนครับ"

 

ขอบคุณข่าวจาก : ข่าวสด วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8390 ข่าวสดรายวัน

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNVEU0TVRFMU5nPT0=