มงคลธร บัวประทุม ผู้ร่วมบุกเบิกศูนย์การเรียนรู้ให้เป็น “ขุมทรัพย์อ่างทอง”
มงคลธร บัวประทุมผู้ร่วมบุกเบิกศูนย์การเรียนรู้ให้เป็น “ขุมทรัพย์อ่างทอง”
คุณมงคลธร บัวประทุม นอกจากท่านจะเป็นถึงตำแหน่งรองนายกเทศบาลเมืองอ่างทองแล้ว ท่านได้ชื่อว่าเป็นนักอ่านผู้ส่งเสริมการอ่านตัวยง และเป็นกำลังสำคัญในการก่อสร้าง “ศูนย์ขุมทรัพย์ความรู้อ่างทอง”นับเป็นโอกาสดีที่เราจะได้สนทนากับท่านเกี่ยวกับเรื่องการส่งเสริมกิจกรรมการอ่าน
- ช่วยเล่าถึงประวัติการทำงานครับ
“ผมเป็นอดีตข้าราชการครู สังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เติบโตมาจากครูผู้สอน เป็นผู้จัดการโรงเรียน แล้วเป็นผู้อำนวยการพัฒนาศึกษาจังหวัดอ่างทอง หลังจากเกษียณอายุราชการแล้วก็มาเป็นรองนายกเทศบาลเมืองอ่างทอง”
- ทราบข้อมูลว่าท่านเป็นนักอ่าน และเป็นผู้ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก
“ผมให้ความสำคัญกับการศึกษาสูงมาก ผมมองว่าการศึกษาคือการเจริญงอกงาม การที่จะพัฒนาการศึกษาได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่อยู่ใกล้ตัวเรา คือ การอ่าน ผมมีความเชื่อว่ายิ่งอ่านมาก ยิ่งรู้มาก ถ้าหากว่าทำมาก ก็ยิ่งมีประสบการณ์มาก ดังนั้นถ้าเราอ่านและทำตลอดเวลา ก็จะมีความรู้ตลอดชีวิต ก่อนอื่นต้องปลูกฝังให้เกิดนิสัยรักการอ่านเป็นอันดับแรก สังเกตประเทศที่พัฒนาส่วนใหญ่มักเกิดจากการอ่านเป็นพื้นฐานสำคัญ ผู้รู้หลายคนกล่าวว่า การอ่านหนังสือในบ้านเราน้อยมาก เพราะฉะนั้นการที่จะพัฒนาประเทศให้เทียบเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน ก็ควรเริ่มจากการส่งเสริมการอ่าน คนเราต้องส่งเสริมการอ่านตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กปฐมวัย ประเด็นสำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน มีเวลาว่างแล้วอยากอ่าน แม้กระทั่งก่อนนอนก็ยังอยากอ่านหนังสือ”
- เป้าหมายในการส่งเสริมการอ่านในอุดมคติของท่าน
“ผมตั้งใจให้เมืองอ่างทองเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ เลยจัดตั้งศูนย์ขุมทรัพย์ความรู้อ่างทอง (AKAP) ปัญหาที่พบในการสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้ คือ ขาดการมีส่วนร่วม คนเราอ่านคนเดียว คิดคนเดียว ทำคนเดียว คงเป็นไปไม่ได้ และการขาดความต่อเนื่องของบุคลากร บางครั้งครู อาจารย์มีการโยกย้ายบ่อย ทำให้งานไม่ไหลลื่น และอีกประเด็นหนึ่งผมมองว่ายังขาดเทคนิคการเรียนรู้ บางทีอ่านไปไม่มีการจดบันทึก ไม่มีเทคนิคการอ่าน ไม่มีเทคนิคการจดจำ อ่านไปก็ไม่ได้นำมาประยุกต์ใช้ ถ้าเราสามารถสร้างนิสัยรักการอ่านขึ้นมาได้ เราก็จะมีสื่อที่หลากหลาย และมีแหล่งการเรียนรู้คอยรองรับ เรียกได้ว่ามีการส่งเสริมการอ่านเต็มรูปแบบ”
- การที่ท่านทำให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดอ่างทอง ได้รับรางวัลระดับประเทศ ท่านมียุทธศาสตร์อย่างไรครับ
“ผมคิดว่าการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้ได้มาตรฐานนั้น ก่อนอื่นต้องพัฒนาคน ในการที่จะพัฒนาคนให้ได้ผล ต้องพัฒนาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็ก ครูที่ดูแลเด็กต้องมีคุณภาพ หรือจบการศึกษาเกี่ยวกับด้านเด็กปฐมวัยโดยตรง ที่สำคัญต้องมีจิตใจรักการทำงานกับเด็ก ยุทธศาสตร์ที่ทำให้ศูนย์เด็กเล็กของผมได้ทั้งรางวัลดีเด่นและรางวัลยอดเยี่ยม ผมเน้นใช้คำว่า “เน้นครูสู่เด็ก ด้วย 1 รัก 4 น่า 5 คุณภาพ”อันดับแรก 1 รัก คือ ครูต้องรักและเมตตาเด็ก ส่วน 4 น่าคือ ทำอย่างไรให้ศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่ ,น่าดู ,น่าเล่น และน่าเรียน ในด้านของ 5 คุณภาพ สิ่งที่ต้องการคือ 1.ครูมีคุณภาพ 2.การเรียนการสอนมีคุณภาพ 3.สิ่งแวดล้อม อาคารมีคุณภาพ 4.บุคลากรมีคุณภาพ 5.ผู้ปกครอง ,ผู้บริหารท้องถิ่น ,คณะกรรมการสถานศึกษาเด็กเล็ก ต้องมีคุณภาพด้วย”
– การที่จะทำให้ศูนย์เด็กเล็ก เห็นถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือ ท่านคิดว่ามีวิธีการอย่างไร
“ก่อนอื่นเลยต้องดูว่าครูเป็นนักอ่านแล้วหรือยัง เป็นตัวอย่างการอ่านที่ดีแก่เด็กหรือไม่ เมื่อเป็นนักอ่านแล้วก็ต้องมีหนังสือดีๆ ให้เด็กได้อ่าน และเมื่อมีสื่อดีแล้วก็ต้องมีกลยุทธ์ทำให้เด็กที่ไม่อยากอ่าน หันมาอ่านจนเป็นนิสัย หรือเรื่องการสร้างมุมหนังสือและแหล่งเรียนรู้ก็ดี ถ้าเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ต้องมีหลัก 3 ดี คือ บรรณารักษ์ดี ,หนังสือดี และบรรยากาศดี”
– การอบรมแกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่านในครั้งนี้ เป็นอย่างไรครับ
“ทันทีที่ผมเห็นโครงการอบรมแกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน ผมรู้สึกดีใจมาก ที่เห็นทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ผมว่านี่ไม่ใช่การเริ่มต้น แต่เป็นการขับเคลื่อน ในการที่เลือกจัดกิจกรรมอบรมแกนนำอาสาสมัครฯ ที่อ่างทอง ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ชาวอ่างทองทุกคนภูมิใจที่สุด และผู้ที่มาอบรมจำนวน 120 คนในครั้งนี้ ก็จะไปสร้างเครือข่ายในชุมชน สร้างเป็นชมรมรักการอ่านจังหวัดอ่างทอง ต้องขอบคุณทั้งทีเค พาร์ค และแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส.”
– หลังจากการอบรมแกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่านครั้งนี้ ท่านจะมีแนวทางสนับสนุนแกนนำ และเสริมสร้างพฤติกรรมการอ่านของประชาชนเทศบาลอ่างทอง อย่างไรครับ
“ผมจะทำสรุปผลการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ให้ท่านนายกเทศมนตรีรับทราบ สรุปให้เห็นถึงจุดเด่น จุดด้อยของการอบรมฯ จุดด้อยเราจะนำไปพัฒนา จุดเด่นจะนำไปสานต่อ เพื่อการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป อาจดึงหน่วยงานระดับจังหวัดเข้าร่วม ส่งเสริมการอ่านรูปแบบต่างๆ หลังจากนั้น 1 ปี จะจัดประเมินสรุปและพยายามปรับปรุงพัฒนาต่อไป ภายใต้หัวข้อ “ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมพัฒนาสถานศึกษาของประชาชน ให้อ่างทองเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้”
– สุดท้าย อยากให้ท่านรองฯ เชิญชวนให้ประชาชนหันมาสนใจเรื่องหนังสือ และการอ่านครับ
“ท่านทั้งหลายครับ วันหนึ่งเรามี 24 ชั่วโมง เท่ากัน นอกจากทำงานหรือเรียนแล้ว แน่นอนเราต้องมีช่วงเวลาพักผ่อน วันเสาร์-อาทิตย์ ถ้ามีเวลาว่าง อยากให้หยิบหนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่าน ผมเชื่อว่าความรู้ที่ดีต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง เพียงเปิดหนังสือเราก็จะพบโลกแห่งการเรียนรู้ เท่ากับพบคนทั้งโลก เปิดห้องเรียนให้กว้าง ให้สิ่งรอบข้างเป็นครู แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อเราทั้งวันนี้ วันหน้า และตลอดไป”
มงคลธร บัวประทุม รองนายกเทศบาลเมืองอ่างทอง ผู้ซึ่งตลอดทั้งชีวิตได้ทุ่มเทให้กับการเรียนรู้ เพราะท่านเชื่อว่ายิ่งรู้มาก ยิ่งมีประสบการณ์มาก ยิ่งทำประโยชน์ให้ผู้คนและบ้านเมืองได้มาก ในอนาคตเราคงได้เห็นความฝันของท่านที่ต้องการให้เมืองอ่างทองเป็นเมืองแห่งการอ่าน เมืองแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง