ผลสำรวจ สสส.ชี้ “เด็กกรุงฯ เกือบ 3 ใน 4 ชอบอ่านหนังสือ
ผลสำรวจ สสส.ชี้ “เด็กกรุงฯ เกือบ 3 ใน 4 ชอบอ่านหนังสือ และมีพ่อแม่ เป็นแรงบันดาลใจในการอ่าน"
สสส. ชวนพ่อแม่ปลูกฝังลูกประถมฯรักการอ่านต่อเนื่อง ถวายเข้าฟ้านักอ่าน เนื่องในวันหนังสือเด็กแห่งชาติเพราะผลสำรวจชี้ชัดลูกยังมีพ่อแม่เป็นต้นแบบ
เนื่องใน วันหนังสือเด็กนานาชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 2 เมษายน ของทุกปี และสำหรับประเทศไทย ตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เพื่อเทิดพระเกียรติและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงส่งเสริมการอ่าน รัฐบาลจึงประกาศให้วันที่ 2 เมษายน ของทุกปี เป็นวันหนังสือเด็กแห่งชาติและวันรักการอ่าน ในปี 2557 นี้ แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เครือข่ายเสียงประชาชน (WE VOICE) ได้สำรวจความคิดเห็นของเด็กชาวกรุงเทพและปริมณฑลที่มีอายุระหว่าง 6-13 ปี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคม 2557 จำนวนทั้งสิ้น 1,124 คน พบว่า
นอกจากนี้ยังสอบถามเด็กที่ระบุว่าชอบอ่านหนังสือเพราะมีหนังสือที่ชอบ โดยเด็กกว่าครึ่งได้ระบุว่าชอบอ่านหนังสือการ์ตูนมากที่สุด (ร้อยละ 53.4) รองลงมาคือ หนังสือนิทาน (ร้อยละ 21.5) และหนังสือนิยาย/ซีรีย์ ดารา/บันเทิง ใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 10.2 และร้อยละ 10.0)
สำหรับบุคคลต้นแบบที่เด็กระบุว่าเป็นต้นแบบ ทำให้ตนเองชอบอ่านหนังสือนั้น คือ พ่อแม่ (ร้อยละ 44.0) รองลงมา คือ เพื่อน (ร้อยละ 23.2) และครู (ร้อยละ 15.2)
ส่วนเหตุผลที่ระบุว่าชอบอ่านหนังสือเพราะมีสถานที่อำนวยความสะดวก พบว่า ร้อยละ 31.7 เท่ากัน เป็นเพราะมีห้องสมุดในโรงเรียน/ใกล้ชุมชน และที่มีบ้านมีหนังสือเยอะ
ในกรณีที่พูดถึงการอ่านทั้งหมด ทั้งที่เป็นหนังสือทั่วไปและหนังสือเรียนด้วย
แหล่งของการอ่านคืออ่านหนังสือจากไหน พบว่า เด็กส่วนใหญ่ ร้อยละ 64.1 ระบุว่าอ่านหนังสือการ์ตูนมากที่สุด รองลงมาคือ อ่านหนังสือจากสื่อคอมพิวเตอร์/อินเตอร์เน็ต (ร้อยละ 17.1) และอ่านหนังสือจากนิตยสารหรือพ็อกเก็ตบุค (ร้อยละ 12.1)
สำหรับสถานที่ในการอ่านหนังสือของเด็ก ส่วนใหญ่ร้อยละ 56 ระบุว่า จะอ่านหนังสือที่บ้าน (ร้อยละ 56.0) รองลงมา คือ ห้องสมุดของโรงเรียน (ร้อยละ 29.0) และห้องสมุดชุมชน (ร้อยละ 11.2)
เมื่อสอบถามถึงระยะเวลาในการอ่าน พบว่า เด็กอ่านหนังสือน้อยกว่า 1 ชั่วโมงมากที่สุด (ร้อยละละ 44.6) รองลงมา คือ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน (ร้อยละ 40.7) และ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน (ร้อยละ 12.3)
ทั้งนี้นาง สุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้กล่าวเชิญชวนพ่อแม่ร่วมเทิดพระเกียรติ “เจ้าฟ้านักอ่าน” ร่วมกันว่า “เด็กช่วงวัยประถมศึกษา 6-12 ปี เป็นวัยเตรียมความพร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา วัยนี้จะมีการเรียนรู้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา พร้อมจะออกไปสู่สังคมที่ออกไปปกป้องเขาน้อยลง เด็กต้องช่วยตัวเองมากขึ้น การอ่านจึงเป็นเครื่องมือส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญ ผลสำรวจที่พบในครั้งนี้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการที่ คุณพ่อคุณแม่ยังคงมีบทบาทสูงในการเป็นต้นแบบและชี้แนะให้กับลูกได้”

