Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

ให้ลมรำลึกพัดพาไปหา “ว. ณ เมืองลุง”

 

     
 
          ว. ณ เมืองลุง ลาล่วงจากบรรณพิภพไปอย่างเงียบๆ เมื่อคืนวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ณ โรงพยาบาลศิริราช หลายคนกล่าวด้วยน้ำตาคลอๆ ว่า “เงียบเกินไป” หากแต่จะทำอย่างไรได้ ด้วยว่านั่นเป็นวัตถุประสงค์ของ ชิน บำรุงพงศ์ ผู้ที่หนอนวรรณกรรมกำลังภายใน ซึ่งแปลเป็นไทย ด้วยสำนวนวิจิตรรู้จักในชื่อ ว. ณ เมืองลุง
 
          เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ที่ผ่านมา ได้มีกิจกรรมบนเวที งานมหกรรมนักเขียนและหนังสือ เสวนารำลึกถึง ว. ณ เมืองลุง โดย อาทร เตชะธาดา (สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น) ผู้เป็นสหายวัยเยาว์ของ ว. เนื่องจากคุณพ่อของคุณอาทร เคยรับพิมพ์งานแปลของคุณ ว. ทั้งคู่จึงรู้จักกันมายาวนาน และคุณอาทรก็กลายเป็น สหายในวงสังสรรค์ ที่อ่อนวัยกว่า แต่ได้ใช้เวลาคบหาจนเห็นน้ำใจ และฝีมืออันเลิศล้น ของจอมยุทธ์นักแปลท่านนี้ ทั้งมี ภคินี บำรุงพงศ์ (บุตรสาว ว. ณ เมืองลุง) และ น. นพรัตน์ นักแปลนวนิยายจีน ที่ได้รับความเมตตาอย่างมากจาก ว. ณ เมืองลุง มาร่วมถ่ายทอดความทรงจำที่ดี
 
          ว. ณ เมืองลุง เป็นนามปากกาของ ชิน บำรุงพงศ์ ว. เป็นชื่อของ วิไล สาวคนรักที่พบกันเมื่อครั้งท่านไปเป็นเสมียนอยู่ที่พัทลุง จึงเกิดเป็นนาม ว. ณ เมืองลุง เมื่อครั้งลงมือแปล กระบี่ล้างแค้น อันเป็นงานแปลเรื่องแรก และเพียงเรื่องเดียว ก็โด่งดังจนเป็นที่รู้จักของคอนิยายกำลังภายใน
 
          ชิน บำรุงพงศ์ เกิดเมื่อ วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๒ ที่อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เริ่มเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนจีน จังหวัดพิษณุโลก มีโอกาสได้เรียนทั้งภาษาไทย และ ภาษาจีน ภายหลังประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๔ สอบได้ประกาศนียบัตรครู (ป.) เมื่อกระทรวงศึกษาธิการเปิดสอบวิชาครู
 
          เคยเข้าไปทำงานที่ร้านค้าแถวห้าแยกพลับพลาไชย กรุงเทพฯ แต่ทำอยู่ได้ไม่นานก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น จึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนา เมื่อสอบได้ประกาศนียบัตรครู (ป.) ได้ไปสอนหนังสือที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ๑ ปี แล้วย้ายไปสอนที่โรงเรียนอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี อีก ๑ ปี จากนั้นไปสอนที่โรงเรียนศึกษาวัฒนา สามย่าน กรุงเทพ ฯ จนประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๔ ลาออกมาทำงานเสมียนโรงไม้ที่จังหวัด พัทลุง และ เริ่มแปลนวนิยายจีนกำลังภายใน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ จนยึดเป็นอาชีพเรื่อยมา
 
          ชินเป็นผู้มีความรู้ภาษาจีนดี ชอบอ่านเรื่องจีน ทั้งฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาจีนอยู่เป็นประจำ เมื่อไปเป็นเสมียนโรงไม้ที่พัทลุง ไม่มีหนังสือจีนให้เลือกอ่านเหมือนตอนอยู่กรุงเทพ ฯ แต่ได้เห็นหนังสือเรื่อง มังกรหยก ฉบับภาษาไทยที่ จำลอง พิศนาคะ เป็นผู้แปล และมีผู้อ่านสนใจติดตามกันมาก จึงเกิดความคิดที่จะแปลเรื่องจีนออกมาเป็นภาษาไทยบ้าง เมื่อเข้ากรุงเทพฯ ชินจึงไปพบกับ นายห้างเวช กระตุฤกษ์ เจ้าของสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ เพื่อเสนอตัวให้พิจารณา ตอนนั้น ชลิต พรหมดำรง บรรณาธิการสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ให้ทดลองแปล ข้อความจากหนังสือพิมพ์ และได้ให้คนจีนตรวจสอบ เห็นว่าถูกต้อง จึงให้ทดลองแปลนวนิยายจีนกำลังภายในไปให้ดูก่อน ๑ เรื่อง ปรากฏว่า คุณเวช กระตุฤกษ์ ไม่ชอบสำนวนแปลที่แตกต่างไปจากของจำลอง พิศนาคะ ซึ่งเดินตามแนวภาษาหนังสือ สามก๊ก ของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) แต่ชินใช้สำนวนหวือหวาพิสดารแบบของ ยาขอบ ทว่าชลิตกลับชอบ และได้สนับสนุนให้พิมพ์เป็นเล่มปกอ่อนออกมาขาย เพื่อหยั่งความนิยม
 
          นิยายแปลเรื่องแรกของชินคือเรื่อง กระบี่ล้างแค้น ใช้นามปากกาว่า ว. ณ เมืองลุง ขายดีจนเล่มที่สองต้องพิมพ์สองครั้งในวันเดียวกัน นับได้ว่า ว. ณ เมืองลุง ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ต้น จึงได้แปลนิยายจีนกำลังภายในเป็นอาชีพเพียงอย่างเดียว ระยะแรกมอบให้ สำนักพิมพ์เพลินจิตต์พิมพ์และจำหน่ายทั้งหมด กระทั่งสำนักพิมพ์เพลินจิตต์หยุดกิจการ จึงมอบหมายให้สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นดำเนินการพิมพ์เรื่อยมา นอกจากนี้ชิน บำรุงพงศ์ ยังมีผลงานในหนังสือพิมพ์เดลิเมล์วันจันทร์ ไทยรัฐ และเดลินิวส์ในบางช่วงด้วย
 
          เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ว. ณ เมืองลุงแปลหนังสือด้วยวิธีพูดบันทึกลงเทป ภคินีผู้เป็นบุตรสาวเล่าว่า มีเพียงเล่มแรกคือกระบี่ล้างแค้นเท่านั้น ที่แปลเหมือนคนอื่นๆ คือเขียนและพิมพ์ แต่ท่านทำแล้วปวดแขนเป็นอย่างมาก จึงได้รับการแนะนำให้แปลใส่เทป ด้วยว่าท่านสามารถกางหนังสือจีนแล้วแปลได้ทันที “แต่ไล่ไปช้าๆ นะคะ คุณพ่อท่านจะอ่านจากต้นฉบับแล้วพูดใส่เทปช้าๆ เพื่อให้คนพิมพ์เขาถอดคำพูดออกมาได้ง่ายๆ และไม่อนุญาตให้แก้ไขสิ่งที่ท่านพูด ฟังเทปได้ยินอย่างไรก็ให้พิมพ์ออกมาอย่างนั้น เมื่อส่งกลับมาให้ท่านตรวจทาน ท่านจะแก้ไขด้วยตนเอง
 
          …หลายคนคงคิดว่าคุณพ่อทำงานสบาย แต่บ่อยครั้งที่เราเห็นท่านนิ้วโป่งพองและแตก เพราะต้องคอยกดเทปไว้ มันไม่เหมือนเทปสมัยนี้ แล้วกว่าจะแปลจบแต่ละเรื่อง นิ้วท่านระบมไปหมด” ภคินีกล่าว
 
          กระบี่ล้างแค้น แปลเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ จนมาถึงประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ว. ณ เมืองลุง จึงยุติการแปลนิยายจีนกำลังภายใน เพราะเห็นว่า อายุมากแล้ว ท่านใช้ชีวิตส่วนตัวอยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น ไม่ชอบออกงาน ไม่ชอบเป็นข่าว และนั่นนำมาซึ่งการจากไปอย่างเงียบสงบในวัย ๗๗ ปี สมความตั้งใจ เป็นเหตุให้วงวรรณกรรมทราบข่าวการจากไปของท่านช้ามาก