Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

เอื้อ อัญชลี เผยเบื้องหลัง ‘เรื่องสั้นสะท้อนสังคมที่เส้นผมบังจนมิด’

 

 
        เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการมอบรางวัล ‘เซเว่นบุ๊คอวอร์ด’ ให้แก่นักเขียนคุณภาพหลายท่านเกิดขึ้น
พอไล่เรียงดูหนังสือที่ได้รับรางวัลในแต่ละสาขา    เล่มที่มีชื่อหนังสือสะดุดตาเป็นอย่างมาก   นั่นคือ  หนังสือ
รวมเรื่องสั้นชื่อ ‘เส้นผมบังจักรวาล’ โดยผู้ประพันธ์ได้ใช้นามปากกาว่า ‘เอื้อ อัญชลี’ ซึ่งเป็นนามปากกาของ
‘อัญชลี เอื้อกิจประเสริฐ’
          ด้วยชื่อหนังสือที่สะดุดตานั่นเอง ทาง   ‘ออล แม็กกาซีน’   จึงพลาดไม่ได้ที่จะนัดพบกับเธอ  เพื่อค้นหา
ความหมายของชื่อหนังสือที่เธอเขียน เนื้องานที่ต้องการสื่อสารกับสังคม รวมถึงการสร้างสรรค์งานเขียนของเธอ
เพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือรวมเรื่องสั้น ‘เส้นผมบังจักรวาล’ เล่มนี้ 
 
all : เส้นทางในการมาเป็นนักเขียนของพี่เอื้อ มีจุดเริ่มต้นมาจากอะไรครับ
 
เอื้อ อัญชลี : พี่เขียนหนังสือมาตั้งแต่เรียนนะ ตอนอายุ 16 ปี แต่เป็นการเขียนเก็บไว้อ่านเองหรือเขียนให้เพื่อน
อ่านกันภายในกลุ่มเล็ก ๆ พอพี่โตขึ้น พี่เริ่มมองแล้วว่าจะเดินทางไปสู่อาชีพนี้ได้อย่างไร พี่จึงเริ่มจากการส่งเรื่อง
ของพี่ไปตามที่ต่าง ๆ ก่อน ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี และสั่งสมมาเรื่อย ๆ จนผู้อ่านจำชื่อของพี่ได้ และได้รับ
ความไว้วางใจจากผู้อ่านจึงอยู่มาได้ถึงตอนนี้   ซึ่งการเขียนคอลัมน์หรือบทความ   ถือเป็นการเล่าเรื่องอย่างหนึ่ง 
แต่จริง ๆ พี่เขียนอยู่ตลอดเวลา   ขึ้นอยู่กับว่าจะให้เนื้อหาไปอยู่ในบริบทใดเท่านั้นเอง   ถ้าพูดจริง ๆ ตอนที่พี่เห็น
ตัวพี่เองจนถึงตอนนี้ พี่ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า พี่รู้ตัวมาตั้งแต่แรกว่าพี่ต้องการจะมาเป็นนักเขียน แต่ตอนที่พี่ยังเด็ก 
พี่นึกภาพไม่ออกเลย  ว่าการเป็นนักเขียนเป็นอย่างไร  แล้วทำให้คนอื่นรับรู้ได้ยากว่าจะทำเป็นอาชีพได้อย่างไร 
แต่ตอนนี้พี่มั่นใจในเส้นทางของตัวพี่เองแล้วค่ะ
 
 
all : รู้ตัวว่าชอบเขียนหนังสือ แต่ทำไมถึงเลือกเรียนคณะวิจิตรศิลป์ล่ะครับ
 
เอื้อ อัญชลี : จริงๆพี่เรียนจบคณะวิจิตรศิลป์แผนกถ่ายภาพมาแต่พี่ผันตัวไปเรียนอย่างอื่นเพื่อให้ได้ประสบการณ์
ที่หลากหลายมากขึ้น  ในงานเขียนของพี่  สมมติว่าถ้าพี่เรียนอักษร หรือนิเทศ  สิ่งที่ได้คือ  การสื่อสารมวลชน 
แต่นักเขียนจริง ๆ   ที่พี่ต้องการจะเป็นคือ  นักเล่าเรื่อง  ที่ให้ความเข้าใจในเรื่องราวชีวิตรอบด้าน ซึ่งคล้ายกับ 
นักเล่านิทานของเผ่า   ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่ เล่านิทานเพียงอย่างเดียว   แต่ยังคอยเป็นที่ปรึกษา  และเชื่อมโยง
ความเข้าใจของทุก ๆ คนเข้าไว้ด้วยกัน
 
 
all : คราวนี้มาพูดถึงผลงาน‘เส้นผมบังจักรวาล’ที่ได้รับรางวัล‘เซเว่นบุ๊คอวอร์ด’ครั้งล่าสุดมีการก่อร่างสร้างเรื่องสั้น
ทั้งหมดนี้ขึ้นมาได้อย่างไรครับ
 
เอื้อ อัญชลี : ที่มาของผลงานนี้ จริง ๆ มันคือยุคหนึ่งของการทำงานของพี่ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสั้นที่เคยตีพิมพ์
ในนิตยสารมาก่อนหน้านี้แล้วและนำมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ถือเป็นยุคที่พี่เขียนผลงานเรื่องสั้นส่งนิตยสารเพราะฉะนั้น
ถ้าดูจากผลงานในเล่มทั้งหมด  มันช่วยทำให้พี่รำลึกถึงเวทีเรื่องสั้น  ซึ่งถือว่ามีมากในยุคนั้น  แล้วที่สำคัญการเขียน
จะสนุกขึ้น เมื่อพี่เอาชนะใจบรรณาธิการแต่ละท่านได้ เพราะนิตยสารที่พี่ส่งเรื่องสั้นไปแต่ละเล่ม ก็จะมีบรรณาธิการ
ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เรื่องสั้นที่รวมเล่มออกมาจึงมีความหลากหลายมาก
 
 
 
 
all : รู้สึกอย่างไรบ้างครับที่ผลงาน ‘เส้นผมบังจักรวาล’ ได้รับรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด
 
เอื้อ อัญชลี : พี่อ่านหนังสือเกี่ยวกับจีนมามาก พี่ก็คิดว่าตัวเองเป็นจอมยุทธ (หัวเราะ) ต้องมีท่าทระนง เพราะพี่รู้สึกว่า
จอมยุทธได้รางวัลก็ดีเหมือนกันนะ   แต่ผลปรากฏออกมาว่า  ผลงานได้รางวัลจริง ๆ พี่ก็ดีใจ   ดีใจกว่าที่คิดไว้มาก 
โดยเป็นรางวัลที่ไม่มีเงื่อนไข เป็นรูปธรรมด้วย ไม่มีผลตอบรับที่ผิดหวังเสียใจ ทำให้พี่รู้สึกอิ่มใจมากค่ะ
 
 
all :แล้วทำไมรวมเรื่องสั้นเล่มนี้ถึงได้ชื่อว่า ‘เส้นผมบังจักรวาล’
 
เอื้อ อัญชลี :  ชื่อนี้เป็นชื่อที่พี่ตั้งขึ้นทีหลัง   เรื่องราวเหล่านี้   โดยจุดร่วมจริง  ๆ  คือ   พี่อยากจะมองย้อนกลับไป
ในประสบการณ์ของพี่ที่พี่พบเจอมา ปรากฏว่า พี่ไม่สามารถมองเห็นได้หมด คือ พี่เข้าใจปัญหาของตัวพี่ สรรพสิ่ง 
หรือคนรอบข้างของพี่ แต่พี่เข้าใจมันได้ไม่หมด เพราะรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรสักอย่างมาปิดบังตรงส่วนนั้นไว้ จึงเป็น
ที่มาของชื่อ ‘เส้นผมบังจักรวาล’ นี่แหละ เพียงเพราะความไม่เข้าใจเพียงนิดเดียวนั้น ก็เหมือนกับเส้นผมเพียงน้อย
ที่บังจักรวาลเอาไว้จนมิด
 
 
all : แล้วแก่นหลักของผลงาน ‘เส้นผมบังจักรวาล’ ที่ต้องการจะให้ผู้อ่านได้รับรู้คืออะไรครับ เพราะเห็นจากในเล่ม
ว่ามีเรื่องสั้นหลากหลายแนวมาก
 
เอื้อ อัญชลี : แก่นหลักแท้จริงของ เส้นผมบังจักรวาล  สำหรับพี่ตอนนี้มันคือ   ‘อคติ’   ของเราเอง  ซึ่งเรื่องสั้น
ในเส้นผมบังจักรวาล  มันมีอคติของพี่ในการมองโลกอยู่ด้วย  ซึ่งเมื่อผู้อ่านได้อ่านเรื่องสั้นของพี่  บางคนอาจจะ
ไม่เข้าใจ   เพราะว่าพี่เขียนจากความไม่เข้าใจต่อเรื่องต่าง  ๆ  ของพี่เอง   ซึ่งก็เปรียบอคตินั้นเป็นดั่งเส้นผมที่บัง
ความคิดของพี่  ที่เข้าใจบางสิ่งบางอย่างไม่ได้    เพราะ  อคติ  ในการมองเรื่องนั้น ๆ ของพี่  ถ้าสมมติว่าพี่สามารถ
หยิบเส้นผม  ที่บังนั้นออกได้ มันก็คือ  การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของพี่เอง  ซึ่งความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น
มันก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
 
 
all : เรื่องสั้นที่อยู่ใน ‘เส้นผมบังจักรวาล’ แต่ละเรื่อง ใช้เวลาในการเก็บข้อมูลและเขียนนานแค่ไหนครับ
 
เอื้อ อัญชลี : แล้วแต่เรื่องนะ อย่างเรื่อง ‘ตำรับเซลส์แมน’ พี่ตั้งข้อสังเกตและเก็บข้อมูลนานมากเหมือนกัน
กว่าจะได้เรื่องนี้แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกของพี่แป๊บเดียวก็เสร็ มันแล้วแต่ว่าพี่กระทบใจจากอะไร  
แต่เดี๋ยวนี้พี่ต้องอิ่มเอมกับประสบการณ์นั้น ๆ ให้มากกว่าเดิมก่อน แล้วจึงค่อยลงมือเขียนค่ะ (หัวเราะ)
 
  
 
all : เรื่องสั้นเรื่องใดใน ‘เส้นผมบังจักรวาล’ ที่พี่เอื้อคิดว่าเขียนยากมากที่สุดครับ
 
เอื้อ อัญชลี :   เรื่องที่พี่ให้ใจมากในแง่ของการทำงาน   และอ่านซ้ำจนเหมือนคัมภีร์เลย  พี่อ่าน ‘มหาตุลาลัย’ 
ซ้ำมากกว่าเรื่องอื่น ๆ คือมีการขัดเกลาเยอะ อ่านทวนเยอะ เพราะเรื่องนี้เด่นที่การเมืองและความรัก มันเป็นการ
พูดถึงอุดมการณ์กับความรักของคนสองคน  ระหว่างฝ่ายชาย  และหญิงอีกทั้งเป็นมุมมองการเล่าเรื่องที่ยากมาก 
เหมือนมีเส้นผมมาบังจริงๆ(หัวเราะ)   เพราะพี่ลองเขียนและเปลี่ยนการเล่าเรื่องเสียใหม่   จากผู้เล่าเรื่องที่มีคนเดียว  
กลายเป็นผู้เล่าเรื่องสองคนทั้งจากมุมของผู้ชายและผู้หญิงไปพร้อมๆกันนอกจากที่พี่ต้องเล่าตัวละครทั้งสองตัวแล้ว
ยังต้องเล่ามุมมองและความคิดของตัวละครทั้งสองตัวอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลยในระดับการเขียนของพี่
 
 
all : แล้วเรื่องสั้นเรื่องใดใน ‘เส้นผมบังจักรวาล’ ที่พี่เอื้อประทับใจและภาคภูมิใจมากที่สุดครับ
 
เอื้อ อัญชลี : ส่วนตัวพี่ พี่ชอบเรื่อง ‘จ้างก็ไม่ให้เกิด’ ซึ่งพี่ยังขำอยู่เลยตอนนี้ โดยที่มาของเรื่องมันมาจากสติ๊กเกอร์
ที่แปะตามรถสองแถว  พอพี่มองเห็นก็ปิ๊งเลย  จนเกิดเป็นเรื่องราวได้ถึงขนาดนี้   รู้สึกว่าแปลกใจมาก  (หัวเราะ) 
และพอลองมาอ่านดู  ในความคิดของพี่มันดีมาก ด้วยเนื้อหาที่ไม่ได้เชยในเรื่องของการทำแท้ง  ซึ่งมันยังทันยุค
ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
 
 
all : นักเขียนในดวงใจของพี่เอื้อคือใครครับ
 
เอื้อ อัญชลี :  นักเขียนที่พี่ชอบมีเยอะมากนะ (หัวเราะ)   แต่ถ้าในเชิงของสำนวนที่ถือว่าเป็นครูเลยก็น่าจะเป็น
คุณอุษณา เพลิงธรรม คนที่เขียนนิยาย 'เรื่องของจัน ดารา' พี่อ่านนิยายและเรื่องสั้นของคุณอุษณาในช่วงวัยรุ่น
เยอะมาก   เพราะเขามีสำนวนที่เฉียบขาดและคมคาย  แต่แฝงไปด้วยความขบขัน  ทำให้พี่ชื่นชอบและชื่นชม
ในผลงานของเขามากส่วนในแง่ของเนื้อหานี่ตอบยากนะเพราะว่าพี่อ่านและสนใจหลายแนวมาก ซึ่งไม่สามารถ
ระบุเป็นบุคคลหรือเป็นเรื่องได้ชัดเจนค่ะ
 
 
all : มีเรื่องสั้นที่วางพล็อตไว้ว่ากำลังจะเขียนหรืออยากลองเขียนบ้างไหมครับ
 
เอื้อ อัญชลี : ตอนนี้มีอยู่สองเป้าหมายที่พี่อยากจะทำ อย่างแรก พี่อยากจะทำชุดเรื่องสั้นที่เปลี่ยนฉากและสถานที่
ไปเรื่อย ๆ   ซึ่งพี่ทำเสร็จไปแล้วชุดหนึ่งสามารถเปิดเผยได้คือชุด ‘หาอะไรในสระว่ายน้ำ’ โดยใช้ฉากสระว่ายน้ำ
เข้ามาเกี่ยวข้อง  แล้วถ่ายทอดเรื่องราวออกมา  ซึ่งใช้เรื่องความรักเป็นตัวดำเนินเรื่อง   แล้วชุดต่อไปที่จะทำคือ
‘หาอะไรในสวนสาธารณะ’ และ ‘หาอะไรในห้องใต้ดิน’ ซึ่งสถานที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่ที่ยังคงไว้เป็นแก่นเลย
นั่นคือ เรื่องราวของความรัก  อย่างที่สองที่พี่อยากจะทำในความเป็นนักเขียนให้สำเร็จก็คือ พี่อยากเขียนหนังสือ
ที่มีตัวละครที่พี่สร้างเป็นที่รักและที่จดจำของคนทุกคน   อย่างเช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ เจ้าชายน้อย หรือโดราเอมอน
ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่อยากจะทำในอนาคต แต่พี่ก็ต้องเขียนเรื่อย ๆ กว่าที่จะทำให้ตัวละครเป็นที่รักได้ โดยอย่างน้อยก็ต้อง
รักคนอื่นเยอะ ๆ ก่อนค่ะ (ยิ้ม)
 
 
 
all :  ประโยคสั้น ๆ ที่นิยามตัวตนและผลงานของพี่เอื้อ อัญชลี คืออะไรครับ
 
เอื้อ อัญชลี : ตัวตนของเอื้อ อัญชลี คือ ‘ทำงานคุณภาพที่ขายได้’  ไม่ว่าชื่อของพี่จะติดอยู่ที่ไหน เพราะพี่รู้สึกว่า
พี่สามารถเป็นนักเขียนคุณภาพที่ขายได้ หรือเป็นนักเขียนฝั่งขายได้และมีคุณภาพด้วย ซึ่งในตัวตนของพี่ อยากให้
คนเห็นชื่อ เอื้อ อัญชลี เชื่อในสามอย่าง  อย่างที่หนึ่ง เชื่อว่ามันสนุก  อย่างที่สอง เชื่อว่ามันดี และอย่างสุดท้าย 
เชื่อว่ามันจะขายได้ยาว ๆ โดยที่อาจจะไม่ดังมากแต่ขายได้ตลอดค่ะ
 
 
all :  อยากฝากอะไรกับนักอ่านหน้าใหม่ที่ได้อ่านผลงานเล่มนี้ หรือเพิ่งจะมาติดตามงานเขียนของพี่เอื้อบ้างครับ
 
เอื้อ อัญชลี :   ต่อไปพี่คงเขียนเรื่องให้หลากหลายแนวมากขึ้น แล้วก็อยากจะเขียนอะไรหลาย ๆ อย่างอีกมากมาย 
คือเมื่อเห็นชื่อพี่บนหนังสือเล่มไหนก็อุดหนุนกันด้วยนะคะ
 
all :  ‘การเขียน’ ให้อะไรกับพี่เอื้อ อัญชลีครับ
 
เอื้อ อัญชลี :   การได้เขียนหรือได้ทำทุกอย่างด้วยตัวเองมันทำให้ชีวิตพี่ตื่นเต้นได้ทุกขณะ เพราะว่าทุกอย่างถือเป็น
วัตถุดิบของพี่หมด ไม่มีอาชีพไหนที่พิเศษเท่านี้อีกแล้วพี่ว่า แล้วอีกอย่างหนึ่งคือ อภิสิทธิ์ชนของความเป็นนักเขียนคือ
สามารถสร้างทุกตัวละครให้มาอยู่ในจักรวาลเรื่องเล่าของเราได้อย่างเท่าเทียมกันโดยปราศจาก
 
         ชนชั้น ทุกคนเป็นตัวละครได้เท่ากันหมด แต่ว่าเราต้องเขียนให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรื่องของเรา
จึงจะเกิดพลังและมีความน่าเชื่อถือ
 
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก http://www.all-magazine.com