“เหยื่ออธรรม” ภาคภาษาไทยฉบับสมบูรณ์

สำหรับคอวรรณกรรมแล้ว คงไม่มีสุขใดเหนือไปกว่าการได้มีโอกาสละเลียดวรรณกรรมชั้นดี
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วงการหนังสือบ้านเรา ได้ให้การต้อนรับวรรณกรรมระดับคลาสสิกมาแล้วมากมาย เรียงไล่ไปตั้งแต่ “สงครามและสันติภาพ”, “พี่น้องคารามาซอฟ”, “แม่”, “นายแพทย์ชิวาโก้”, “เพื่อนยาก”, “เฒ่าผจญทะเล”, “แกสบี้ผู้ยิ่งใหญ่”, “เจ้าชายน้อย”, “คนนอก”, “กลาย”, “สิทธารัตถะ”, “จะคอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น”, “1984” ฯลฯ…และล่าสุดกับ “ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน” จะเหลือก็แต่ Ulysses ของ “เจมส์ จอยซ์” เท่านั้นที่คอยโกโดต์!
“จุดประกายวรรณกรรม” สัปดาห์นี้ อาสาพาไปเปิดใจ 2 แรงแข็งขัน ผู้ปลุกปั้น “เหยื่ออธรรม” ฉบับสมบูรณ์ในภาคภาษาไทย 1 ชุด 5 เล่มจบบริบูรณ์ แปลจากต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสโดยตรงของ “วิกตอร์ ฮูโก้” ผ่านฝีมือของ “วิภาดา กิตติโกวิทย์” และการควักกระเป๋าแบบ “หมดตัว” ของ “สุเมธ สุวิทยะเสถียร” เจ้าของสำนักพิมพ์ “ทับหนังสือ”…ชื่อนี้ การันตีครับท่าน!
0 อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณสุเมธริเริ่มโปรเจค"เหยื่ออธรรม"?
เหยื่อธรรมนี้เป็นความชอบความรักจะเรียกว่าหลงส่วนตัวเลยชอบเรื่องนี้มากจริงๆ เพราะว่าอ่านมา 30 ปีแล้ว แต่มันไม่แล้วใจ ตรงที่มันไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ หาคนแปลมาอยู่นานปีเหมือนกันจนมาได้เพื่อนเก่าแก่ บังเอิญเธอมีความคิดตรงกันพอดี
0 ในส่วนของอาจารย์วิภาดารู้จักกับบรรณาธิการสุเมธได้ยังไง?
เป็นเพื่อนกัน 30 ปีแล้วตั้งแต่เป็นนักศึกษา พี่เรียนที่จุฬาฯ แต่พี่สุเมธเป็นเด็กรามฯ แต่เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนที่จุฬาฯ ตอนนั้นพี่จำแม่นเลย สุเมธเขาพิมพ์เหยื่ออธรรมสำนวนแปล “จูเลียต” ซึ่งเป็นนามปากกาของคุณป้าชนิด สายประดิษฐ์
สุเมธเขาเป็นคนบ้าหนังสือคลาสสิก เรื่อง “เหยื่ออธรรม” นี้ก็คาใจพี่มานาน 30 ปีเหมือนกัน คือหลังจากแปล “สงครามและสันติภาพ” เสร็จชีวิตมันว่าง ก็เลยเล็งๆ “เหยื่ออธรรม” ไว้แล้วลองลงมือแปลภาคหนึ่งเป็นแซมเปิ้ล ก็ลองถามไปบางสำนักพิมพ์ แต่หลายแห่งเขาก็ไม่อยากพิมพ์
0 เริ่มแซมเปิ้ลปีอะไร?
ประมาณปี 2545 พอติดต่อไปทางสุเมธ เขาเอา เราก็เอาด้วย ก็เริ่มลงมือ 3 ปี รวดเดียวไม่ทำอะไรเลย ทำแต่ “เหยื่ออธรรม” 3 ปีเต็มๆ จริงๆ ก็มาเสร็จร่างเมื่อ 2548 หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการของสำนักพิมพ์จนกระทั่งตุลาคม 2553 ก็วางแผง (ยิ้ม)
0 อยากถามถึงกระบวนการทำงาน?
ยากสุดๆ เพราะหนังสือต้นฉบับเขาใช้ภาษาฝรั่งเศสเมื่อ 100 กว่าปีมาแล้ว “ฮูโก้” เขาเป็นกวีเอกของฝรั่งเศส ภาษาของเขาก็จะเป็นภาษากวี แล้วมันยังยากในแง่ของจับเนื้อหาด้วย เพราะว่านวนิยายเรื่องนี้มันมีทั้งประวัติศาสตร์ มีทั้งเรื่องของศาสนา เรื่องวัฒนธรรม พวกนี้ต้องค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาก เพราะถ้าตีความไม่แตกมันก็แปลไม่ได้ พี่ต้องเข้าถึง “ฮูโก้” จริงๆ ก็เลยต้องค้นคว้าข้อมูลเชิงอรรถมากจริงๆ แต่ข้อได้เปรียบนิดหนึ่งก็มีนะ คือพอดีส่วนตัวพี่เป็นคริสต์ “ฮูโก้” เขาเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า เราก็เชื่อ ก็เลยสามารถที่จะเข้าถึงตรงนี้ได้
0 ขั้นตอนการลงมือแปลคร่าวๆ อยากให้เล่าให้น้องๆ ที่อยากจะเป็นนักแปลฟังว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง?
เคล็ดลับในการแปลอันดับแรกจะต้องรักหนังสือการรักการอ่าน เพราะโดยส่วนตัวรักการอ่านหนังสือ พออ่านมากแล้วเราก็อาจจะอยากถ่ายทอดในสิ่งที่เราอ่าน เพราะคนไทยส่วนมากไม่ค่อยรู้ภาษาฝรั่งเศส สองเราต้องรู้จักภาษาที่เราแปลคือภาษาไทยต้องแตกฉานด้วย ถ้าไม่แตกฉานก็จะถ่ายทอดออกมาไม่ได้ สรุปก็คือต้องรักภาษาและรักหนังสือ นี้เป็นเคล็ดลับสูงสุด ทำงานแบบนี้มันอยู่กับตัวเองค่ะ ทำงานแบบนี้ต้องมีวินัยสูงมาก เพราะวันๆ ต้องอยู่กับต้นฉบับ อยู่กับแป้นพิมพ์ อยู่กับ Dictionary พี่เห็นหลายคนลองๆ ดูแต่ก็อยู่ไม่ได้ ถ้าอยากเป็นนักแปลก็ต้องยอมว่าเราจะต้องอยู่กับสิ่งนี้โดยลำพังได้ก่อน
0 อยากให้เปรียบเทียบการค้นคว้าข้อมูลมาช่วยแปลระหว่างยุคนี้กับยุคก่อน?
ต่างกันมาก การแปลยุคนี้ง่ายขึ้นมาก สมัยก่อนไม่มี Google พี่ต้องตระเวนตามร้านหนังสือ ตามห้องสมุด ตามบ้านเพื่อน เพื่อหา Text ต่างๆ อย่าง “เหยื่ออธรรม” ฉบับสมบูรณ์ชุดนี้ นอกจากที่พี่จะแปลจากภาษาฝรั่งเศส พี่ยังใช้เล่มภาษาอังกฤษ และภาษาจีนช่วยด้วย โดยเฉพาะภาษาจีน หมายถึงพี่ใช้ต้นฉบับ “เหยื่ออธรรม” ที่แปลเป็นภาษาจีนมาประกอบ คือคนแปลภาษาจีนเล่มที่พี่ได้มานี้ เขาทำการบ้านมากจริงๆ แล้วเขาก็มีเชิงอรรถมากจริงๆ มากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในงานวรรณกรรมแปล ทำให้เราได้ข้อมูลหลากหลายมากๆ และส่วนใหญ่ก็ได้จากของฉบับแปลภาษาจีนนี้แหละ
0 แสดงว่าอาจารย์วิภาดาสามารถใช้งานได้ทั้ง 4 ภาษาเลยคือฝรั่งเศส อังกฤษ จีน ไทย?
ค่ะ
0 เวลา 3 ปี ที่ทุ่มให้กับการแปลนี่ ผมคงไม่ถามว่าทางภาครัฐหรือหน่วยงานราชการยื่นมือเข้ามาช่วยหรือไม่ เพราะมันหลอกตัวเองเกินไป?
โชคดีที่ครอบครัวพี่เข้าใจงานที่ทำ เลยทำงานแปลตรงนี้ได้อย่างสบายใจ สามีเลี้ยงค่ะ (ยิ้ม)
0 เวลา 3 ปีรวด โดยที่ไม่ทำอย่างอื่นเลยหรือ?
ค่ะ 3 ปีรวด ทุกวันเลย เจ็ดโมงเช้าถึงสามสี่ทุ่ม ยกเว้นช่วงเลี้ยงลูก (ยิ้ม)
0 พอจะเล่าคร่าวๆ ได้ไหมว่าเช้าจรดเย็นทำอะไรบ้าง?
เช้าขึ้นมาส่งลูกไปโรงเรียน เสร็จแล้วก็มานั่งหน้าจอ แปลหนังสือ บางครั้งก็ไปตามร้านหนังสือ ไปตามห้องสมุด ไปตามงานขายหนังสือ เพื่อที่จะหาข้อมูล พอถึงตกเย็นก็ทานข้าวเย็น ทานเสร็จก็ทำต่อ เป็นอย่างนี้ 3 ปีจริงๆ ไม่มีวันหยุดเลย จนกระทั่งส่งงานให้คุณสุเมธเสร็จปุ๊บเนี่ยมันโหวงเลย นกป่าเชื่อไหม มันเหมือนกับชีวิตมันเคว้งคว้าง “เหยื่ออธรรม” มันเป็นการทำงานของชีวิตจริงๆ ถึงตรงนี้พี่ต้องบอกว่ามันมีความสุขจริงๆ ที่ได้เห็นชุดหนังสือ “เหยื่ออธรรม” ทั้ง 5 เล่มวางอยู่ตรงหน้านี้ (ยิ้มภูมิใจ)
0 ย้อนกลับไปวัยเด็ก อ.วิภาดาอ่านหนังสือแนวไหน และสิ่งไหนที่ทำให้สนใจ"เหยื่ออธรรม"?
วัยเด็กก็อ่านหนังสือจีนเป็นหลัก เพราะที่บ้านมีหนังสือภาษาจีนเยอะ ก็อ่านหนังสือวรรณกรรมเด็กภาษาจีนเป็นหลัก ส่วน “เหยื่ออธรรม” สนใจเพราะว่าเข้าพี่เข้ามหาวิทยาลัยเมื่อปี 2516 เข้าไปปุ๊บก็เข้าไปอยู่ในขบวนการนักศึกษาเลย ยุคดอกไม้ประชาธิปไตยเบ่งบาน แล้วหนังสือฝ่ายซ้ายสมัยนั้นมันมีออกมาเยอะมาก พี่ก็ได้อ่านเยอะ ได้อ่าน “เหยื่ออธรรม” สำนวนแปลของคุณ “จูเลียต” แต่มันไม่จบ แต่ตอนนั้นก็ไม่ทราบนะคะว่าทั้งหมดมีกี่ภาคกันแน่ มาตอนหลังถึงทราบ เพราะเราได้ดูละครเพลง Broadway “เหยื่ออธรรม” เขาเล่นเลยเนื้อความในหนังสือที่คุณ “จูเลียต” แปลเอาไว้ ทำให้เรารู้ว่าท่านแปลไม่จบ เรื่องเต็มๆ มันสนุกมากๆ มันมีเรื่องของการต่อสู้ เรื่องของอะไรอีกหลายๆ อย่าง มันน่าสนใจ ก็เลยอยากจะแปลให้มันจบ คอวรรณกรรมไทยก็จะได้อ่านฉบับสมบูรณ์ คือ “เหยื่ออธรรม” มันแปลมาแล้วเกือบทุกภาษาในโลกนี้ พี่ก็เลยไม่อยากให้พลาดภาษาไทยของเรา งานเสร็จแล้ว พี่ตายตาหลับแล้ว (ตาแดงๆ)
0 คุณสุเมธในฐานะที่เป็นบรรณาธิการบริหาร พูดง่ายๆ ว่าเป็นนายทุน การพิมพ์วรรณกรรมหนักๆ แบบนี้ เตรียมรับมือการขาดทุนหรือยัง?
ผมเตรียมใจตั้งแต่ทำเล่มแรกเมื่อ 30 ปีก่อนแล้วครับ เราไม่คาดหวัง Mass อยู่แล้ว วรรณกรรมหนักที่ผมทำเป็นกลุ่มเฉพาะ คือคอวรรณกรรมจริงๆ แต่ “เหยื่ออธรรม” ชุดนี้ ยอมรับเลยว่าต้นทุนสูง ก็หนักใจเหมือนกัน
0 กลุ่มนักอ่านที่เป็นแฟนสำนักพิมพ์ “ทับหนังสือ” จริงๆ พี่สุเมธว่ามีตัวเลขประมาณเท่าไหร่?
ค่อนข้างตอบยากเหมือนกัน
0 โดยฐานแล้วถ้าคำนวณน่าจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ครับ
ก็น่าจะอยู่สักประมาณ 700-800 สำหรับแฟนพันธุ์แท้จริงๆ
0 ภาครัฐหรืออย่างน้อยๆ ห้องสมุดของรัฐน่าจะมีส่วนช่วย “อภิสิทธิ์” ก็คอวรรณกรรมเห็นว่าชอบ “โลกของโซฟี”
ก่อนอื่นภาครัฐน่าจะลงมาคุยกับพี่มกุฎ อรฤดี ก่อน โปรเจกต์สถาบันหนังสือของแกดีมากๆ แกไม่พูดเปล่า ยังทำให้ดู คุณคิดดูพี่มกุฎ “ดอน กิโฮเต้ : ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน” แกต้องแบกต้นทุนมหาศาล ผมทำ “เหยื่ออธรรม” ผมรู้เลย…ส่วนตัวผมเองก็ค่อนข้างจะพูดยากเหมือนกัน พูดมากไปคนก็จะหมั่นไส้ ว่าก็เสือกมาทำเอง อยากเจ๊งเอง คือเราเป็นสำนักพิมพ์เล็กๆ ไง แต่ดันอยากจะทำสิ่งที่เรียกว่าเกินตัวไปหน่อย (ยิ้ม) นี่ยังโชคดีนะที่พี่ “จรัญ หอมเทียนทอง” เจ้าของสำนักพิมพ์ “แสงดาว” อาสามาช่วยดูแลเรื่องการจัดจำหน่าย ถ้าผมทำเองทั้งหมดผมต้องตายแน่ๆ
0 จะมีการจัดงานเปิดตัวหนังสือไหม
ทางสำนักพิมพ์ “แสงดาว” ของพี่ “จรัญ หอมเทียนทอง” ที่เป็นสายส่งให้สำนักพิมพ์ “ทับหนังสือ” ของผม กำหนดวันเอาแล้วว่า 25 ตุลาคม 2553 เวลาบ่ายโมง ที่งานมหกรรมหนังสือฯ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็จะมีอภิปรายนำโดยพี่เทพ-เทพศิริ สุขโสภา แล้วทางพี่จรัญจะมีกระเป๋าผ้าของแท้กับเสื้อยืดของแท้ “เหยื่ออธรรม” สมนาคุณให้ผู้ซื้ออย่างละ 1 ชุด
0 “เหยื่ออธรรม” 5 ภาค ชุดสมบูรณ์นี้ ราคาชุดละเท่าไหร่
ผมตั้งไว้ 3,500 บาทครับ
ที่มา
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
Life Style : Read & Write
วันที่ 16 ตุลาคม 2553 01:00