เล่มโปรดของ ทินกร หุตางกูร
.jpg)
ทินกร หุตางกูร เกิดในครอบครัวและบรรยากาศที่ทำให้รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่พ่อแม่ของทินกร จะไม่ปิดกั้นแล้วยังส่งเสริมให้ลูกๆรักการอ่าน ทำให้เขาติดนิสัยนั้นมาจนกระทั่งปัจจุบัน
“ ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่รักการอ่าน พ่อแม่ชอบอ่านหนังสือทำให้บรรยากาศเป็นบรรยากาศที่ช่วยสงเสริมการอ่านมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อไม่ได้ว่าอะไรหากผมจะไปอ่านหนังสืออย่างอื่นที่ไม่ใช่หนังสือเรียน จำได้ว่าเมื่อก่อนมีวันหยุดก็จะขับรถไปเที่ยวทะเล แต่ก่อนจะไปถึงทะเลต้องผ่านร้านหนังสือก่อน พ่อก็แวะแล้วให้ลูกๆเลือกหนังสือคนละเล่มแล้วแต่ใครจะเลือกหนังสืออะไรเอาไปอ่าน ผมก็เลยรู้สึกว่า บรรยากาศแบบนั้นทำให้เราใกล้ชิดกับหนังสือ ในปัจจุบันนี้ก็ยังพยายามอ่านนะครับ แต่ยอมรับว่าปัจจุบันอ่านหนังสือน้อยมาก แต่ก็ยังพยายามบังคับตัวเองว่าต้องอ่าน อย่างน้อยวันละ 3 หน้าก็ยังดี จนปัจจุบันนี้ถ้าวันไหนเข้านอนแล้วยังไม่ ”
สำหรับหนังสือที่ทินกร หุตางกูรประทับใจมีหลายๆเล่ม ซึ่งแต่ละเล่มก็มีเหตุผลของความชอบที่แตกต่างกันไป
“ ก็มีหลายเล่มนะครับ แต่ถ้าถามแล้วคิดถึงอันดับเลยนี้ก็ต้อง นิทานของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซ่น เล่มนี้จะติดอยู่ในดวงใจตลอด ผมว่ามันเป็นงานเขียนที่จุดประกายให้ผมอยากเขียนหนังสือ แม้ในขณะนี้เมื่อใดที่รู้สึกว่าตัวเองตันๆก็ยังกลับไปอ่านอยู่ตลอด ”
“ อีกเล่มหนึ่งที่ชอบคือ ยูลิซิส ของเจมส์จ๊อยซ์ เล่มนี้ที่ชอบเพราะว่าอ่านมันไม่รู้เรื่อง ก็อ่านสองรอบแล้วรู้นะว่าเรื่องมันเป็นยังไงแต่ว่าจับไม่ได้ว่ามันมีความยิ่งใหญ่ในแง่ของคุณค่าตรงไหน แต่ที่ผมสามารถรับรู้ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้คือเจมส์จ๊อยซ์เป็นคนกล้าหาญมาก หนังสือของเขาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นกฎเกณฑ์ของงานเขียนในยุคนั้นหมดเลย แต่ว่าผมไม่มีสติปัญญา…หาไม่เจอว่า งานของเขามีคุณค่า มีความยิ่งใหญ่ตรงไหน ผมยังหาไม่พบ หากว่ามีเวลาผมก็จะอ่านมันให้เข้าใจให้ได้ สมมติว่าถ้าติดเกาะแล้วอนุญาตให้เอาหนังสือไปได้เล่มหนึ่งผมจะเอาเล่มนี้ไปเพราะว่าผมคงต้องใช้เวลากับมันเยอะ ”
“ ที่คิดได้ตอนนี้เป็นอันดับสามก็คือ หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ของ การ์เบรียล กาเซีย มาร์เกซ จริงๆแล้วผมชอบหนังสือของมาร์เกซทุกเล่ม สำหรับเล่มนี้ผมคิดว่ามันมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นมาร์เกซมันใส่อยู่ในเล่มนี้หมดแล้ว เล่มอื่นก็เป็ o แค่การแตกไปจากความร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ขยายไปจากเล่มนี้ ”
“ ความเบาหวิวเหลือทนของชีวิต ( Unbearable Lightness of Being ) ของ มิลาน คุนเดอร่า คือพอผมอ่านหนังสือเรื่องแล้วแล้วมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้เจอโลกอีกโลกหนึ่ง มันทำให้วิธีคิดเกี่ยวกับการเขียนหนังสือของผม มันเหมือนกับมีอะไรมากระทบ มากระเพื่อน ทำให้เกิดความตื่นเต้นอย่างมากเลยหลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ส่วน อมตะ ( Immortality ) ก็ชอบนะ แต่อ่าน Unbearable Lightness of Being พอถามเลยคิดถึงมันได้ก่อน ”
หากเทียบสัดส่วนกันแล้วระหว่างงานของนักเขียนต่างประเทศกับนักเขียนไทย ทินกรจะเลือกเสพงานจากต่างประเทศถึง 70 เปอร์เซ็นต์แต่กระนั้นเขาก็ยังยอมรับว่า ติดตามอ่านงานของเพื่อนๆนักเขียนไทยอยู่เป็นประจำ
“ ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็น ผมอ่านงานต่างประเทศเสีย 70 ส่วนอีก 30 อ่านงานของไทยบ้าง อ่านของเพื่อนบ้าง ด้วยความอยากรู้ว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆเขาเขียนกันไปถึงไหนแล้ว แล้วก็มาวิพากษ์วิจารณ์กัน ส่วนหนังสือของคนไทยที่ชอบ ก็ชอบ คำพิพากษาของ พี่ ชาติ กอบจิตติ ชอบฟ้าบ่กั้น ของ ลาว คำหอม ชอบข้างถนนของ สุรชัย จันทิมาธร ”
ขอบคุณสาระดีๆจาก : http://www.praphansarn.com/new/c_link/detail.asp?ID=148
ขอบคุณสาระดีๆจาก : http://www.praphansarn.com/new/c_link/detail.asp?ID=148