Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

หน้าม่านมายา : นิยายรักฉบับเกาหลี

 

 
สิ่งแรกที่สร้างความตื่นตาตื่นใจในการเดินทางไปเกาหลีครั้งแรกของเรา ไม่ใช่หนุ่มสาวหน้าตาดีแบบที่เห็นในหนังเกาหลีหลายเรื่อง แต่เป็นคอสตูมของทั้งเขาและเธอ 
 
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เพราะชาวเกาหลีนับสิบคู่ที่ร่วมเดินทางไปสู่แดนกิมจิล้วนแต่ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน เหมือนจะประกาศว่าจะไม่มีการพลัดหลงหรือจับคู่ผิดแน่นอน ทั้งสองเหมือนกันขนาดว่าหมวกที่ใส่และรองเท้าที่สวมยังเหมือนกันเด๊ะ 
 
ตอนแรกยังนึกว่าเป็นกรุ๊ปไปฮันนีมูนที่เมืองไทย หรือไม่ก็เป็นการเล่นเกมหรือออกทัวร์สำหรับคู่รัก แต่ปรากฏว่าเมื่อเราไปถึงเกาหลีจริงๆ ก็ยังมีคู่รักคู่แฝดแบบนี้กระจัดกระจายอยู่ตามท้องถนนเต็มไปหมด ทำให้เราย้อนนึกไปถึงหนังเกาหลีที่เคยดูมาหลายๆ เรื่อง 
 
หรือว่าความรักแบบรักกันเหนียวแน่นไปจนวันตายจะมาจากชีวิตจริงของคนเกาหลี? 
 
ถามไถ่ดูก็ได้ความว่า ชีวิตรักของหนุ่มสาวเกาหลีนั้นค่อนข้างมีระเบียบแบบแผนไปหมด เริ่มตั้งแต่ออกเดท ทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะออกเดทกันอย่างจริงจัง หมายถึงเปลี่ยนคู่เดทไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบคนที่ใช่ หลังจากพบคนที่ใช่ก็จะหยุดและจะไม่มีการวอกแวกอย่างเด็ดขาด แล้วก็อาจจะย้ายมาอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน ซึ่งทางพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็รับรู้ว่าลูกอยู่ด้วยกัน 
 
หลังจากนั้นถ้าลองอยู่ด้วยกันแล้วชีวิตไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะเก็บเงินแต่งงานกัน โดยฝ่ายชายจะรับหน้าที่เก็บเงินซื้อบ้าน ส่วนฝ่ายหญิงจะรับหน้าที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัว และทั้งสองจะยังไม่แต่งงานกันจนกว่าจะมีหน้าที่การงานมีหลักฐานมั่นคง เพราะเชื่อกันว่าสาเหตุของชีวิตคู่ที่ล้มเหลวมาจากฐานะทางการเงินที่ไม่มั่นคง 
 
เมื่อแต่งงานกันแล้วก็ทำการทำงานมีลูกกันไปปกติ แต่สังคมเกาหลีนั้นยังมีค่านิยมที่ผู้หญิงจะต้องทำงานบ้านและทำอาหารเป็นทุกอย่างในฐานะลูกสะใภ้ที่แสนดี โดยเฉพาะเรื่องงานครัวที่ฝ่ายชายไม่ต้องเข้าไปแตะเลย พวกเธอจึงต้องรับหน้าที่หนักทั้งในและนอกบ้าน 
 
และหากมีความขัดข้องเกิดขึ้นในชีวิตคู่ถึงขั้นหย่าร้าง กฎหมายกำหนดให้ฝ่ายชายเป็นคนรับเลี้ยงดูลูกเสมอ เพราะว่าสามารถเลี้ยงดูลูกได้ หรือถ้าฝ่ายชายแต่งงานใหม่ก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าฝ่ายหญิงแต่งงานใหม่แล้วมีลูกสาวไปอยู่ด้วยอาจจะเป็นเรื่องอันตรายที่จะเอาลูกสาวไปอยู่ในบ้านเดียวกับพ่อเลี้ยง 
 
เมื่อกฎหมายกำหนดอย่างชัดเจนจึงไม่มีใครอยากให้เกิดการหย่าร้างเพราะคนที่มีปัญหาที่สุดก็คือลูก 
 
มองเพียงแค่นี้จึงดูเหมือนว่า ถ้าทุกคนในประเทศเกาหลีมีค่านิยมร่วมกันในแบบเดียวกัน สังคมก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่หากว่าค่านิยมเปลี่ยนไป คนหนุ่มสาวเริ่มมีกิ๊กมีกั๊ก เริ่มมองว่าความมั่นคงอาจไม่ใช่คำตอบของชีวิต เมื่อนั้นนิยายรักในชีวิตจริงของชาวเกาหลีอาจจะเริ่มมีความหลากหลายและมีตอนจบที่คาดเดาไม่ได้ 
 
ย้อนกลับมาดูที่นิยายแนวรักหวานซึ้งของชาวเกาหลีเราจึงแอบสงสัยว่า บางทีอาจเป็นเพราะความหวานภายใต้กฎเกณฑ์ข้อกำหนดของสังคม ทำให้ชีวิตรักของพวกเขานั้นขาดรสชาติอะไรบางอย่างไป (ถึงแม้จะใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันหัวจรดเท้าก็ตาม) อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดจึงมาขึ้นถึงขีดสุดเอาเมื่อยามได้ดูหนังรักแนวโศกนาฏกรรมแบบนี้ 
 
จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะหันมาอินกับเรื่องราวในโลกสมมติ เพราะอย่างน้อยก็ให้อารมณ์และความรู้สึกเต็มที่มากกว่าในชีวิตจริง. 
 
ปลาส้ม : เรื่อง 
พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ