Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

สำรวจสถานการณ์การอ่านของคนไทย

 

สำรวจสถานการณ์การอ่านของคนไทย
      ปี 2548 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ไม่อ่านหนังสือถึง 22.4 ล้านคนหรือเกือบ 40% ของประชากรทั้งประเทศ
ด้วยเหตุผล
1. ชอบดูโทรทัศน์ หรือฟังวิทยุมากกว่า
2. เด็กอายุ 10 -14 ปี กว่า 60% ให้เหตุผลในการไม่อ่านหนังสือว่า เพราะไม่ชอบ และไม่สนใจ
ส่งผลให้สถิติการอ่านหนังสือของคนไทยเฉลี่ยเพียงปีละ 2 เล่ม ซึ่งนับว่าต่ำมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
1. สิงคโปร์ มีสถิติการอ่านหนังสือปีละ 40 – 50 เล่ม
2. เวียตนาม มีสถิติการอ่านหนังสือปีละ 60 เล่ม

สถิติการอานหนังสือของคนไทย ปี 2551
       สำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจเรื่อง การอ่านหนังสือของคนไทย พบว่าคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไปอ่านหนังสือ (ที่ไม่ใช่หนังสือเรียนหรือเพื่องาน) 66.3%
ประเภทหนังสือที่อ่านมากที่สุด คือ
1. หนังสือพิมพ์ 71 % (ใกล้เคียงกับประเทศออสเตรเลีย ร้อยละ 77.3)
2. นิยาย / การ์ตูน 38.8 %
3. นิตยสาร 35.4 %
แยกกลุ่มตามวัยพบว่า
1. กลุ่มวัยเด็กอ่าน 81.5 %
2. กลุ่มเยาวชนอ่าน 78.6%
3. กลุ่มทำงาน 64.3%
4. กลุ่มผู้สูงอายุ 39.3%
แยกตามเพศพบว่า
1. ชายอ่าน 67.5%
2. หญิงอ่าน 65.1%
ในกลุ่มเด็กเล็กพบว่า
1. เด็ก กทม. อ่านมากที่สุด คือ 45.3 %
2. เด็กอีสานอ่านน้อยที่สุด 31.3 %
 
    อย่างไรก็ตามคนไทยใช้เวลาอ่านหนังสือน้อยลงเฉลี่ย 51 นาทีต่อวัน ในปี 2548 เหลือ 39 นาทีต่อวัน ในปี 2551 มีกลุ่มเยาวชนอ่านหนังสือมากที่สุด 46 นาทีต่อวัน
 
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเเห่งชาติ (สสช.)
 
พฤติกรรมการอ่านของคนไทยปี 2552
     ในปี 2552 ประชาชนซื้อหนังสืออ่าน (ไม่รวมหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือวารสาร) ร้อยละ 70.70 และไม่ซื้อ ร้อยละ 29.30 หากซื้อหนังสือจะซื้อหนังสือที่ให้ความรู้ เช่น ประวัติสาสตร์ วิทยาศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ร้อยละ 15.98 ,หนังสือการ์ตูน ร้อยละ 15.94 นิยายวัยใสร้อยละ 14.29 ,หนังสือประเภท how to ร้อยละ 13.91 ,หนังสือที่เขียนโดยคนดังร้อยละ 9.95 ,หนังสือธรรมะ ร้อยละ 9.15 ,หนังสือเด็กและเยาวชน ร้อยละ 7.69 ,หนังสือดวงชะตา ร้อยละ 6.60 ,หนังสือบุญกรรม ร้อยละ 594 และหนังสืออื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ร้อยละ 0.57
 
 เหตุผลที่ประชาชนไม่ซื้อหนังสืออ่าน
     หาอ่านได้จากห้องสมุดหรือแหล่งอื่นได้จึงไม่ต้องซื้อ ร้อยละ 22.64 ,ไม่มีเวลาซื้อ ร้อยละ 21.62 ,ราคาแพง ร้อยละ 17.97 ,ไม่ชอบอ่าน ร้อยละ 14.33 ,ไม่มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ร้อยละ 13.31 ,หนังสือส่วนใหญ่ไม่มีคุณภาพ ร้อยละ 5.01 ,เหตุผลอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ร้อยละ 2.62 และอ่านหนังสือไม่ออก ร้อยละ 2.50
 
ที่มา : ศรีปทุมโพล โดย ดร.ปิยากร  หวังมหาพร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยมหาวิทยาลัยศรีปทุม ปี 2552