Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

ผลิตหนังสือดี เพื่อการอ่านอย่างมีคุณภาพ

   

ช่วง 3-4 ปีมานี้ คนไทยรู้สึกอับอายกับสถิติการอ่านหนังสือโดยเฉลี่ยของประชาชนในประเทศ  แม้จะมีการแก้ไขข้อมูลว่าที่ถูกต้องน่าจะเป็น 5 เล่ม/คน/ปี ไม่ใช่ไม่กี่บรรทัด   แต่ต่อให้เราได้ตัวเลขที่น่าพอใจ อวดใครเขาได้ ไม่อับอาย อาทิเปลี่ยนจาก 5 เล่ม/ปี เป็น 5 เล่ม/เดือนก็ตาม  ก็ยังมีสิ่งอื่นอีกที่ต้องคำนึงถึง
     การอ่านเป็นเรื่องดีแน่นอน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอ่านอะไรด้วย  หนังสือนั้นอาจแบ่งได้คร่าวๆ  2 ส่วน ได้แก่ส่วนของภาษาหรือวรรณศิลป์ กับส่วนเนื้อหา  เมื่อเราอ่านหนังสือ เราเพลิดเพลินหรือได้ความรู้ผ่านทางเนื้อหา  ได้จดจำถ้อยคำ รูปแบบภาษา ผ่านบทสนทนา การบรรยายหรือพรรณนาของหนังสือเล่มนั้น
     ครูอาจารย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับมหาวิทยาลัยพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่มีปัญหากับข้อสอบแบบอัตนัย ซึ่งต้องอาศัยการเขียนตอบ  พวกเขาใช้ภาษาไม่เป็น เขียนไม่ถูก ถ่ายทอดความรู้ความคิดออกมาไม่ได้  หรือนักเขียนรุ่นใหม่ทั้งที่มีผลงานทางอินเตอร์เน็ตและตีพิมพ์รวมเล่มถูกวิจารณ์ว่าภาษาไม่ดี ใช้ภาษาไม่ถูกหลัก  ตัวอย่างแรกนั้นน่าจะเป็นเพราะนักศึกษาไม่ค่อยอ่านหนังสือ จึงไม่ได้เรียนรู้วิธีเรียบเรียงความคิด และซึมซับรับวิธีเขียนหรือการใช้ภาษา ซึ่งคนที่เป็นนักอ่านจะได้มาอย่างอัตโนมัติจากการอ่าน  ส่วนตัวอย่างหลัง แม้จะอ่าน แต่ก็อาจจะได้อ่านหนังสือที่ด้อยคุณภาพด้านภาษา หรือว่าอ่านน้อยไป
    นำไปสู่คำถามว่า หนังสือ มาจากไหน?  เพราะเราคงไม่ได้อยากเป็นสังคมที่อ่านอะไรก็ได้  แต่น่าจะเป็นอ่านอย่างมีคุณภาพมากกว่า  ผู้ที่ทำหน้าที่ผลิตหนังสือ ทั้งนักเขียนหรือสำนักพิมพ์จึงมีส่วนสำคัญ เพราะเป็นผู้นำเนื้อหาความคิด ผ่านงานเขียนอันมีรูปแบบภาษาที่ดีเข้าไปสู่สังคม  นับตั้งแต่เรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์ ปลุกกระแสความคลั่งไคล้เรื่องแฟนตาซี  มีสำนักพิมพ์หลายแห่งพากันตีพิมพ์หนังสือแนวดังกล่าว  คนหนุ่มสาวหันมาเอาดีทางการเขียนนิยายแฟนตาซี หรือเรื่องรักวัยรุ่นแบบเกาหลีญี่ปุ่นที่ฮิตติดตลาดไม่แพ้กัน  หนังสือหลายต่อหลายเล่มถูกจัดพิมพ์อย่างรีบร้อน  ปราศจากกระบวนการบรรณาธิการที่ดี  ตั้งแต่การเฟ้นหาต้นฉบับ  การเลือกผู้แปลซึ่งชำนิชำนาญและใช้ภาษาไทยได้ดี  ตลอดจนการตรวจทาน การเอาใจใส่รูปเล่ม  ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ หนังสือด้อยคุณภาพจำนวนหนึ่งหลั่งไหลไปถึงผู้อ่าน โดยเฉพาะเยาวชน  ด้วยเหตุที่ว่า หนังสือมี 2 ส่วน ทั้งเนื้อหาและภาษานั่นเอง  ผู้ที่อ่านจึงต้องรับเอาภาษาที่ด้อย หรือไม่ถูกต้องไว้โดยไม่รู้ตัว
    ดังนั้นในการสร้างสังคมแห่งการอ่าน  จึงไม่อาจมองข้ามนักเขียนหรือผู้จัดพิมพ์ได้ เพราะนอกจากเขาจะเป็นผู้หยิบยื่นเนื้อหาแนวคิดทางอ้อมแก่เราแล้ว ยังช่วยธำรงส่งเสริมภาษาที่ดีของคนในชาติ  นักเขียน สำนักพิมพ์ รวมทั้งบรรณาธิการจึงควรตระหนักถึงความสำคัญในภารกิจของตน  เพราะคุณคือผู้หยิบยื่นสิ่งที่เราจะอ่าน  อ่านสิ่งดีๆ หนังสือดี เพื่อความคิดดีๆ  ร่วมกัน

 

 

ภาพจาก : http://library.cmu.ac.th