ประเภทหนังสือที่ผู้บริหารอ่านและจุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา
พัชนีกร กล่อมจิตต์ (2545) นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทำการวิจัยเรื่องประเภทหนังสือที่ผู้บริหารอ่านและจุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา ผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 72 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้บริหารโรงเรียนที่มีห้องสมุดผ่านและไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอ่านหนังสือประเภทนิตยสารและวารสารมากที่สุด โดยมีจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อต้องการข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน ส่วนในการอ่านที่ต้องการปฏิบัตินั้น ผู้บริหารโรงเรียนที่มีห้องสมุดผ่านเกณฑ์มาตรฐานต้องการอ่านหนังสือประเภทนิตยสารและวารสาร และมีจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อพัฒนาสติปัญญา ส่วนผู้บริหารโรงเรียนที่มีห้องสมุดไม่ผ่านเกณฑ์ ต้องการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น และมีจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 2) จุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนที่ปฏิบัติจริงมีความแตกต่างกัน
พัชนีกร กล่อมจิตต์. (2545). ประเภทหนังสือที่ผู้บริหารอ่านและจุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (การบริหารการศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. อาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ : อ.ว่าที่ พต.ดร.นพดล เจนอักษร, ผศ.พิสิฐ พิษณานนท์ และ อ.ดร.ประเสริฐ อินทร์รักษ์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ทราบประเภทหนังสือที่ผู้บริหารอ่านและจุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนที่มีห้องสมุดผ่านเกณฑ์มาตรฐานและไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งในส่วนการอ่านที่ปฏิบัติจริงและการอ่านที่ต้องการปฏิบัติ 2) ทราบความแตกต่างของประเภทหนังสือที่ผู้บริหารอ่านและจุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนที่มีห้องสมุดผ่านเกณฑ์มาตรฐานและไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งในส่วนการอ่านที่ปฏิบัติจริงและการอ่านที่ต้องการปฏิบัติ 3) ทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับประเภทหนังสือที่ผู้บริหารอ่านและจุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนทั้งในส่วนการอ่านที่ปฏิบัติจริงและการอ่านที่ต้องการปฏิบัติ ผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 72 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับประเภทหนังสือและจุดมุ่งหมายในการอ่านโดยใช้แนวคิดของเกรย์และโรเจอร์ (Gray and Rogers) วอสแมน และรินสกี้ (Wassman and Rinsky) ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์ และสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (X) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้บริหารโรงเรียนที่มีห้องสมุดผ่านเกณฑ์มาตรฐานอ่านหนังสือประเภทนิตยสารและวารสารมากที่สุด โดยมีจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อต้องการข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน ส่วนในการอ่านที่ต้องการปฏิบัตินั้น ต้องการอ่านหนังสือประเภทนิตยสารและวารสาร และมีจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อพัฒนาสติปัญญา ส่วนผู้บริหารโรงเรียนที่มีห้องสมุดไม่ผ่านเกณฑ์อ่านหนังสือประเภทนิตยสารและวารสาร และมีจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อต้องการข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน ส่วนในการอ่านที่ต้องการปฏิบัตินั้น ต้องการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น และมีจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
2. ในการเปรียบเทียบความแตกต่าง พบว่า จุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนที่ปฏิบัติจริงมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกนั้นไม่พบความแตกต่าง
3. ความคิดเห็นเกี่ยวกับประเภทหนังสือที่ผู้บริหารอ่านและจุดมุ่งหมายในการอ่านของผู้บริหารโรงเรียนทั้งในส่วนการอ่านที่ปฏิบัติจริงและการอ่านที่ต้องการปฏิบัตินั้น พบว่า ผู้บริหารทั้งสองกลุ่มให้ความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกัน กล่าวคือ การอ่านหนังสือทำให้มีความรู้และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในกรบริหารงานและในชีวิตประจำวัน ส่วนเหตุผลที่อ่านหนังสือประเภทนั้นๆ หรือจุดมุ่งหมายในการอ่านนั้นๆ น้อย เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาอ่านและมีหนังสือในประเภทนั้นๆ หรือจุดมุ่งหมายในการอ่านนั้นๆ น้อย