บทสัมภาษณ์นักเขียนรางวัลซีไรต์ และนักร้องขวัญใจวัยรุ่น ปราบดา หยุ่น และ ป๊อด โมเดิร์นด๊อก
ตามหา "ตัวตน" วัยรุ่น




จริงหรือที่เขาว่าวัยรุ่นไทย ไร้ราก ขาดรัก ขี้เหงา มัวเมาเรื่องเพศ say yes แต่กับเรื่องร้าย ๆ
ภาพลักษณ์ของวัยรุ่นที่ปรากฎให้เห็นในสื่อทุกวันนี้ มักจะมีแต่แง่มุมร้าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด เพศสัมพันธ์ในระดับอายุที่ลดลงเรื่อย ๆ ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมตามกระแสบริโภคนิยม การเสพติดสื่ออินเตอร์เน็ตและเกมคอมพิวเตอร์ รวมทั้งอีกนานาสารพัดปัญหา จนเกิดเป็นที่มาของนิยามว่าเด็กไทยยุค ไร้รัก – ไร้ราก ที่ขาดทั้งความรักและรากฐานที่มั่นคงทางจิตใจ
จริงหรือ? ที่เราไม่สามารถหวังอะไรได้กับเด็กรุ่นใหม่เหล่านี้? สื่อ..พยายามสร้างต้นแบบวัยรุ่น
พ.ญ พรรณพิมล หล่อตระกูล สะท้อนมุมมองในฐานะจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นให้ฟังว่า "สื่อทุกวันนี้นำเสนอภาพของวัยรุ่นเพียง 2 มุมเท่านั้น มุมหนึ่งเป็นภาพปัญหาด้านลบที่สะท้อนออกมาในข่าว ส่วนอีกมุมหนึ่งก็คือภาพของความขาว ความสวยที่ถูกกระตุ้นโดยสื่อเชิงธุรกิจ และเนื่องจากวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาของการค้นหาตัวตน ผ่านทั้งส่วนที่เป็นต้นแบบและส่วนที่เป็นตัวของเขาเอง
การที่สื่อนำเสนอแบบนี้ วัยรุ่นก็จะซึมซับและเห็นว่าเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเป็นธรรมดา แล้วถ้าเขามีโอกาสหรือมีประสบการณ์ที่ใกล้เคียง เช่น ข่าวที่ว่าวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุน้อยลงเรื่อย ๆ เมื่อวันหนึ่งที่เขามีเพื่อนซึ่งมีประสบการณ์ที่ตรงกับข่าวนี้เพียงแค่คน เดียว เขาจะเชื่อทันทีว่านี่คือตัวแทนของวัยรุ่นทั้งหมด เพราะข่าวบอกอย่างนั้น และเพื่อนเขาก็เป็นอย่างนั้นเหมือนในข่าว"
ดังนั้น สิ่งที่คุณหมอพรรณพิมลอยากจะบอกกับวัยรุ่นทุกคนก็คือ
"ถ้าเราเป็นวัยรุ่น เราต้องเป็นคนทำให้ภาพลักษณ์ของวัยรุ่นเกิดจากตัวของเรา คนรอบข้างและสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอาจจะมีอิทธิพลบ้างแต่ไม่ใช่คำตอบค่ะ คำตอบมันเกิดจากการที่เราเอาสิ่งต่าง ๆ ทั้งในตัวและรอบตัวเข้าไปประมวลออกมาเป็นตัวของเราเอง บนความเชื่อที่ว่า เราไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร และก็ไม่จำเป็นต้องแตกต่างจากคนอื่นแบบชนิดดีเดือด โดยเฉพาะในปัจจุบัน ต้นแบบมันมีหลากหลายมาก การค้นพบภาพลักษณ์จากภายในตัวของเราเองจึงยิ่งเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นอีก"
เราจำเป็นต้องมีทางเลือกที่มากขึ้น หลากหลายขึ้น เพราะการมีพื้นที่ มีโอกาสของการเรียนรู้โดยอิสระ ไม่ว่าจะผ่านตัวหนังสือ ดนตรี หรือกิจกรรมที่เขาทำร่วมกันนั้น เป็นคำตอบอย่างหนึ่งในการค้นหาภาพลักษณ์ของวัยรุ่นให้พวกเขาด้วย และนี่คืออีกมุมมองที่สะท้อนจากสองหนุ่มสองสไตล์ที่ต่างก็ถือเป็นฮีโร่ของวัยรุ่น คุ่น – ปราบดา หยุ่น และ ป๊อด โมเดิร์นด๊อก
มองวัยรุ่นปัจจุบันอย่างไรคะ?
ป๊อด โมเดิร์นด๊อก: ผมคิดว่าวัยรุ่นก็มีหลากหลายชนิด วัยรุ่นเด็กเรียน วัยรุ่นรักสนุก คงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่จุดร่วมที่มองเห็นก็คือเป็นวัยที่ต้องการความท้าทาย เป็นวัยแห่งการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มีความตื่นตัว ถ้าเป็นวัยรุ่นเด็กเรียนก็คงตื่นตัวที่จะเรียนรู้หนังสือ ส่วนวัยรุ่นชนิดอื่น ๆ ก็เรียนรู้เหมือนกัน แต่อาจจะเป็นเรื่องชีวิต ความสัมพันธ์ การกิน การอยู่ การดู การฟังอะไรใหม่ ๆ
คุ่น ปราบดา หยุ่น: เราคงไม่สามารถเจาะจงว่าวัยรุ่นเป็นแบบนั้นแบบนี้ เพราะมันก็มีหลายชนิดอย่างที่พี่ป๊อดว่าจริง ๆ และไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันนี้หรือเมื่อวานนี้ที่ผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ผมว่าวัยรุ่นก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก คือเป็นวัยที่กำลังเติบโต แล้วก็มีความเป็นไปได้สูงในทุก ๆ ด้าน ทั้งกายภาพ ความคิด โดยเฉพาะทางด้านปัญญา ก็ยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ สำหรับตักตวงอะไรเข้าไปได้อีกเยอะ
แล้วที่สังคมมองว่าวัยรุ่นทุกวันนี้ฟุ่มเฟือย มั่วสุมเรื่องเพศและยาเสพติดมากขึ้น?
คุ่น ปราบดา หยุ่น: ผมว่าผู้ใหญ่ฟุ่มเฟือยกว่า มั่วเซ็กซ์มากกว่า แล้วก็เสพยาเสพติดมากกว่า (ป๊อดเสริมว่า "เสพชนิดที่แพงกว่าด้วย") แต่วัยรุ่นกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกนำมาพูดถึง เพราะผู้ใหญ่มีอำนาจที่จะทำแบบนั้น เป็นอำนาจที่จะสะท้อนอะไรที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองออกมา แต่ผู้ใหญ่จะไม่พูดว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรบ้างทั้ง ๆ ที่ปัญหาใหญ่ ๆ เกิดจากผู้ใหญ่เสมอ ปัญหาสังคม วิกฤตเศรษฐกิจ เรื่องเหล่านี้วัยรุ่นไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น แต่เขาเป็นเครื่องมือที่ผู้ใหญ่ใช้เพื่อบอกว่าตัวเองมีศักยภาพทางความคิดที่ดีกว่า สามารถเข้าใจสังคมได้มากกว่า ผมว่าต้นเหตุใหญ่ของปัญหาในตอนนี้เป็นเพราะผู้ใหญ่ยอมให้มันเกิดขึ้นเท่า นั้นเอง
ป๊อด โมเดิร์นด๊อก: อย่างปัญหายาเสพติดก็เป็นเรื่องระดับชาติ ก่อนที่มันจะตกมาถึงวัยรุ่น แต่โอ.เค.เรื่องจิตสำนึกในตัววัยรุ่นเองก็มีส่วน แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด หรือเรื่องของความฟุ่มเฟือยก็มาจากผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่ทำธุรกิจ อยากขายสินค้าก็ไปผลักดันให้เด็กฟุ่มเฟือยเพื่อที่จะมาซื้อสินค้าตัวเอง โฆษณาก็เป็นฝีมือผู้ใหญ่ที่ต้องการหลอกเอาเม็ดเงินจากกระเป๋าเด็ก เพราะเด็กหลอกง่าย โดยเฉพาะเด็กไทยซึ่งมีลักษณะเฮตามสังคม ตามค่านิยมส่วนใหญ่อยู่แล้ว
ทำไมถึงว่าเด็กไทยหลอกง่าย?
คุ่น ปราบดา หยุ่น: เพราะเราเติบโตมาในลักษณะสอนให้จำ เขาบอกมาอย่างไร ก็ต้องเป็นอย่างนั้นระบบโรงเรียนเราไม่ได้สอนให้เด็กคิดเอง หรือนำเสนอความคิดที่มาจากความรู้สึกจริง ๆ เด็กคิดแบบนี้เพราะถูกป้อนไว้แล้ว เรากลัวที่จะคิดต่างมาตั้งแต่ ป.1 แล้วคับ คือจำได้ว่าพอครูถามปุ๊บ ผมจะหลบตาก่อนเลย แบบ…อย่ามองเรานะ กว่าจะรู้ว่าเป็นคนขี้กลัว เราก็โตเกินไปแล้ว สังคมมันได้หล่อหลอมวิธีคิดของเราให้กลายเป็นว่า ทำอะไรก็ให้ปลอดภัยไว้ก่อน แต่งตัวประมาณนี้แหละปลอดภัยดี รับรองว่าเพื่อนจะไม่ทัก ไม่ล้อ เอาให้เหมือน ๆ กันไว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่บางทีเราอาจจะไม่ชอบอย่างนั้นเลย แต่ก็ต้องตาม ๆ กันไป เอาง่าย ๆ อย่างโรงเรียนในต่างประเทศ นักเรียนจะแต่งชุดอะไรก็ได้มาเรียน ทุกคนได้หัดคิด หัดครีเอทและมีรสนิยมของตัวเองแล้วตั้งแต่ในชีวิตประจำวัน ตื่นเช้ามาได้เลือกชุด เลือกเป้เลือกกระเป๋าที่เราชอบจริง ๆ ในขณะที่ของเรา ทุกอย่างมันถูกวางไว้หมดแล้ว
แล้วถ้าอยากให้เด็ก ๆ ลุกออกมาคิดต่างบ้าง จะต้องทำอย่างไรล่ะคะ?
คุ่น ปราบดา หยุ่น: ก็เริ่มจากเปิดออกน่ะคับ อย่างน้อยเริ่มต้นที่บ้าน กลับบ้านแล้วให้มันรู้สึกสบายใจ ไม่ถูกบีบคั้น เท่านี้ล่ะ ผมว่าครอบครัวสำคัญที่สุด ถ้าครอบครัวเปิด เข้าใจ ไม่ไปกดดันเขา โอ.เค.กดมันก็มีส่วนที่ดี แต่ถ้าอยู่ในระดับที่สมดุล วัยรุ่นก็พร้อมจะทำอะไรได้อีกเยอะ เพราะเขาเป็นวัยที่มีพลังสูง ผมอาจจะโชคดีที่ที่บ้านเปิดอิสระมาตั้งแต่เด็ก ๆ คงเป็นเพราะว่าเรียนเก่งมาตั้งแต่อนุบาล เพราะฉะนั้นก็จะถูกเปิดประตูด้านการใช้ชีวิตไปแล้ว อยากค้างบ้านเพื่อนเป็นเดือน ๆ ก็ไม่เป็นไร เขาเชื่อว่าเรารู้ตัว แต่ก็มีปัญหาบ้างกับที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เช่น อยากไว้ผมยาวก็ไม่ได้ ต้องตรวจผมทุกเช้าวันจันทร์ หรือถึงอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ถ้าไว้ผมยาว อาจารย์ก็จะไม่ตรวจงาน
แต่พอไม่มีใครบังคับ กลับตัดสินใจตัดผมสั้น?
ป๊อด โมเดิร์นด๊อก: ตัดสินใจแล้วว่าทรงนี้ดีที่สุด เพราะกลับไปดูรูปตอนไว้ผมยาวแล้ว น่าเกลียดมาก (ยิ้ม) แต่ถ้าไม่เคยไว้ยาว เราก็คงไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : Momypedia.com นะจ๊ะ