นวนิยายกำลังภายใน หลังยุค ๒๐๐๐

นวนิยายกำลังภายในนับเป็นมรดกทางสุนทรียภาพอย่างหนึ่งที่สื่อด้วยอักษรและเร้าใจด้วยภาษาสำนวนอันเป็นเอกลักษณ์ สิ่งหนึ่งที่นวนิยายกำลังภายในมี แต่นวนิยายประเภทอื่นที่ใกล้เคียงกันไม่มีคือ ความลึกซึ้งในปรัชญาชีวิตและความพิสดารในวิถีแห่งยุทธ์ ตัวละครคือมนุษย์ แต่ขณะเดียวก็เหนือมนุษย์ คือจินตนาการ แต่ขณะเดียวกันก็อุดมด้วยความเป็นปุถุชนสามัญ มนต์ขลังของนวนิยายกำลังภายในยากนักที่จะสรุปด้วยเหตุผลข้อสองข้อ เพราะนวนิยายประเภทนี้ได้หยั่งรากลึกและผูกพันกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จีนมานานเป็นเวลานับพันปี
หลายคนประหลาดใจว่าทำไมนวนิยายกำลังภายในสามารถตกทอดรุ่นแล้วรุ่นเล่า ไม่เคยสูญหายไม่เคยขาดช่วงในระหว่างการพัฒนาการในช่วงพันปีเลย? หากเพียงเพราะความสนุกตื่นเต้น คงไม่ใช่เหตุผล เพราะความสนุกความตื่นเต้นคือสิ่งแรกที่มนุษย์เราเบื่อหน่าย มนุษย์ไม่เคยสนุกตื่นเต้นกับการละเล่น หรือกิจกรรมเพียงหนึ่งเดียวตลอดอายุขัย ฉะนั้นจึงน่าสนใจอย่างยิ่งว่าเหตุใดนวนิยายกำลังภายในจึงสามารถสืบทอดอย่างคงเส้นคงวาบนเส้นทางอันขรุขระของประวัติศาสตร์ เส้นทางการเติบโตของนวนิยายกำลังภายในแท้จริงแล้วไม่ได้ต่างไปจาก "วิถีกระบี่" อันเป็นตัวแทนความเป็นนิยายกำลังภายในเลย
กระบี่ไม่ผิดเพี้ยน วิถีกระบี่อยู่ที่ใจ ผันพลิกไม่สิ้นสุด กระบี่แท้ไม่สลาย
อะไรคือผันพลิกไม่สิ้นสุด อะไรคือกระบี่อยู่ที่ใจ? ผมเป็นคนๆ หนึ่งที่คลั่งไคล้ในนิยายกำลังภายใน แต่สิ่งที่ผมสนใจคือ พลังชีวิตของนิยายกำลังภายใน ทุกยุคทุกสมัยนิยายกำลังภายในจะมีเนื้อหาที่ต่างกันไปตามจินตนาการ ในสมัยราชวงศ์ถัง คำว่าจอมยุทธ์ คือผู้อยู่ในวิถีแห่งยุทธ์ด้วยจิตใจสูงส่งเยี่ยงนักปราชญ์นักกวี เป็นตัวแทนแห่งปัญญาและความแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน ในสมัยราชวงศ์ซ่ง คำว่าจอมยุทธ์คือบุคคลซึ่งผดุงความยุติธรรม และขณะเดียวกันยังเป็นกลุ่มวีรชนที่ป้องกันประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่ขาดแคลนที่สุดในยุคสมัยแห่งสงครามตอนนั้น ในสมัยราชวงศ์หมิง จอมยุทธ์คือคนดีที่คอยกำจัดเหล่าร้ายในความมืด เป้าหมายกระบี่คือขุนนางโฉดชั่วและขันทีเรืองอำนาจ ในราชวงศ์ชิง จอมยุทธ์คือผู้ก้าวออกมาจากความอ่อนแอ หาญสู้ปืนไฟของผู้รุกรานต่างชาติ ในสมัยสงครามกู้ชาติ จอมยุทธ์คือผู้หยิบดาบขึ้นมาเพื่อขับกองทัพญี่ปุ่นออกจากชุมชนของตัวเอง จอมยุทธ์ในทุกยุคทุกสมัยพัฒนาการและผันพลิกบทบาทเนื้อหาไปตามจินตนาการของผู้ประพันธ์ และในช่วงยุคสมัยก่อนปัจจุบันเพียงเล็กน้อย นวนิยายกำลังภายในก็เดินทางมาถึงจุดสูงสุดที่ใครต่อใครคิดว่าไม่อาจพัฒนาต่อไปได้แล้ว เพราะเหนือกว่านั้นคือทางตัน ด้วยเหตุที่ว่า ในยุคก่อนปี ๒๐๐๐ ได้บังเกิดนักประพันธ์หลายท่านที่นำพานิยายกำลังภายในก้าวสู่จุดสูงสุดชนิดไม่มีใครคาดคิด แต่หลายคนก็รู้สึกใจหาย เพราะสังเกตว่านวนิยายกำลังภายในในยุคก่อนปี ๒๐๐๐ มีสิ่งๆ หนึ่งหายไป นั้นคือความร่วมสมัย ซึ่งความร่วมสมัยนี้เองที่ทำให้นิยายกำลังภายในสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
จอมยุทธ์ในช่วงก่อนปี ๒๐๐๐ คือใคร? คือก๊วยเจ๋ง ในราชวงศ์ซ่ง เตียบ่อกี้ในราชวงศ์หยวน หวงเฟยหงในราชวงศ์ชิง และอีกทางเลือกหนึ่งคือลี้คิมฮวงบนดินแดนที่แทบจะไม่บ่งบอกประวัติศาสตร์ หรือดีกว่านั้นคือ ปู้จิงอวิ๋นและเนี่ยฟงที่ สร้างกระแสความโกลาหลแห่งฟงอวิ๋นขึ้นมาได้พักใหญ่ แล้วก็เซี่ยงส้าวหลงที่ย้อนเวลาไปหาจุดเริ่มต้นของความเป็นจอมยุทธ์ หลายคนบอกว่าหลังปี ๒๐๐ นิยายกำลังภายในจะตายเหมือนกับในโลกภาพยนตร์ เพราะการอนุรักษ์หาใช่การก้าวอยู่กับที่ แต่คือการนำสิ่งนั้นเดินไปพร้อมๆ กับยุคสมัย เนื้อหาของนิยายกำลังภายในตอนนี้ก้าวอยู่กับที่ ความพลิกผันตามยุคสมัยของนิยายกำลังภายในนั้นแทบจะไม่หลงเหลือแล้ว
แต่แล้ว หลังปี ๒๐๐๐ ก็เกิดปาฏิหาริย์ นักเขียนออนไลน์คนหนึ่งสวนกระแสความร้อนแรงของนิยายแนวแฟนตาซีซึ่งแม้แต่คนจีนก็ยังหันไปเขียนแนวนั้นแทน ชื่อของเขาคือ Giddens หรือภาษาจีนว่า จิ๋วป่าตาว ง่ายๆ ติดหู และคมคาย แปลว่า ดาบเก้าเล่ม นิยายของเขาเนื้อหามีความพิเศษแต่ไม่เกินเลยจนถึงพิลึก สำนวนของเขาคมคายแต่ไม่ซ้ำกับบรมครูคนไหนเลย ตัวละครของเขาไม่หยุดอยู่ในอดีตกาล แต่มีชีวิตอยู่ในเวลาเดียวกันกับผู้อ่าน เนื้อหาของเขาโลดโผน ตื่นเต้น ลึกซึ้ง กินใจ สยดสยอง ตลกโปกฮา ไปพร้อมๆ กัน ราวกับว่าเขาเข้าอกเข้าใจชีวิตคนยุคปัจจุบันที่แสนจะจืดชืด อย่างที่เคยกล่าวไว้ข้างต้น ผู้อ่านทุกยุคทุกสมัยพึงพอใจกับการจินตนาการถึงสิ่งที่ตัวเองขาดหาย ยุคราชวงศ์ถังขาดปัญญาชนที่กล้าต่อสู้กับศาสตราวุธ ยุคราชวงศ์ซ่งขาดวีรชนที่คอยปกบ้านป้องเมือง ยุคราชวงศ์ชิงขาดผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สามารถหาญสู้ปืนไฟ และคนยุคปี ๒๐๐๐ ขาดหลายอย่าง และ Giddens ก็มีให้ทุกอย่างผ่านปลายปากกาของเขา
พระเอกของเขาคือตัวแทนของคนอยากจะเปลี่ยนตัวเองและเป็นคนที่กำลังต่อสู้กับความเชื่อ ส่วนจอมมารของเขาคืออำนาจมืดที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังของชีวิตคนเรา เหมือนกับระบบต่างๆ ที่ครอบงำชีวิตของคนยุคเราอยู่ เนื้อหาของเขาคือตัวแทนของความหลากหลายซึ่งเป็นที่คาดหวังของทุกๆ คนในยุคปัจจุบัน กระบี่ของเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อกู้บัลลังก์ หรือขับไล่ผู้รุกราน แต่กำลังต่อสู้เพื่อความเป็นคน ด้วยความร่วมสมัยตรงนี้ทำให้นิยายของเขาเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในไต้หวัน และเพียงช่วงไม่กี่เดือนที่นิยายเรื่องกังฟูนี้เผยแพร่ออนไลน์ ความร้อนแรงก็ระบาดไปถึงฝั่งแผ่นดินใหญ่ (ประเทศจีน) ชนิดไม่มีนักเขียนแนวนี้คนไหนในช่วงหลังปี ๒๐๐๐ สามารถเทียบได้ และสถิติการตอบรับของแฟนๆ ทุบสถิติของนักเขียนออนไลน์ก่อนหน้าทุกคนทุกปี ร้อนแรงถึงขนาด ว่ากันว่า ภาพยนตร์เรื่องกงฟู (กังฟู) ของโจวซิงฉือต้องเติมชื่อเป็นกังฟูฮัสเซิล เพื่อไม่ให้ซ้ำกับชื่อนิยายของ Giddens
โดยส่วนตัวแล้วผมอยากจะกล่าวถึงความรู้สึกหลังจากที่อ่านนิยายเรื่องนี้จบสั่นๆ ว่า เนื้อหาของนิยายสะท้อนสังคม ความสุข ความหวัง และความเชื่อ ฉากต่อสู้ของนิยายรักษาความเป็นนิยายกำลังภายในอย่างเต็มร้อย ปรัชญาที่สอดแทรกลึกซึ้งและเข้าถึงชีวิตคนปัจจุบัน แต่เชื่อไหม ผู้ดำเนินเรื่องราวในนิยายเป็นคนบ้า บ้าชนิดที่เราทุกคนขยาดหรือแม้กระทั่งรังเกียจขยะแขยง ไม่เชื่อ…ต้องลองอ่านเอาเองครับ ความบ้าความเพี้ยนของตัวละครของ Giddens ไม่ได้ปรุงแต่งด้วยความน่ารักหรือความบริสุทธิ์ ไม่ใช่หนูดำผูกโบว์เดินเหินเป็นเสียงเพลงแบบมิกกี้เมาส์ แต่ผู้อ่านกลับจะรักพวกเขาอย่างจริงใจ โดยไม่ได้ถูกครอบงำให้รัก
รู้สึกไปกับพวกเขาโดยไม่ต้องปั้นอารมณ์ให้รู้สึก
เมธา วามวาณิชย์ : เรื่อง
โดย ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 27 ฉบับที่ 06