จินตนาการเฟื่อง ของ อาร์เธอร์ ซี คลาร์ก

คนที่เป็นแฟนนิยายวิทยาศาสตร์น้อยคนจะไม่รู้จัก อาร์เธอร์ ซี คลาร์ก ผลงานที่โด่งดังถูกนำไปสร้างเป็นหนังโรงเรื่อง 2001 เดอะ สเปซ โอดิสซี จินตนาการถึงคอมพิวเตอร์ในความหมายของปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดลึกล้ำและหันมาต่อต้านมนุษย์ เรื่องนี้ไล่เลี่ยกับตอนที่ ไอแซค อาซิมอฟ เสาหลักของนิยายวิทยาศาสตร์อีกคนกล่าวถึงกฎสามข้อของหุ่นยนต์ไว้ใน ไอ โรบอต
สิ่งที่เขาฝากไว้เป็นมรดกก็คือเส้นผมของเขาเอง อาร์เธอร์บอกไว้ในวิดีโอที่จัดทำขึ้นก่อนตายว่า เขาเก็บเส้นผมตัวเองเพื่อส่งไปในอวกาศด้วยความหวังที่รวมความเชื่อและจินตนาการหนักแน่นของเขาว่าสักวันเมื่อมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่ฉลาดล้ำมาพบมันเข้า จะสามารถโคลนนิ่งเขากลับคืนมาใหม่ เพื่อเขาจะได้เดินทางในอวกาศได้ตามความใฝ่ฝัน
นอกเรื่องมากไปแบบรายการเช้าวันอาทิตย์ชนิดทำงานด้วยปากมากเป็นร้อยโครงการก็ไม่ดี ถ้าไม่ใช่นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ที่สามารถจินตนาการไปไกลแบบเหลือเชื่อได้ แต่มากมายหลายอย่างในนิยายวิทยาศาสตร์นั้นกลายมาเป็นความจริงจนเราประมาทไม่ได้ นักการเมืองได้รับเลือกตั้งมาบริหารประเทศจะมาจินตนาการกันทุกอาทิตย์คงไม่ไหว และเล่นการเมืองกันทุกวันประเทศก็คงไม่ไปถึงไหนแน่นอน
ลองมาดูจินตนาการของอาร์เธอร์ที่สำนักข่าวบีบีซีหยิบมาให้ดูว่ามีอย่างไหนเกิดขึ้นจริงอย่างไม่เกิดจริงในภายหลัง โดยคัดเอาคำทำนายเด็ดๆ ของเขามาทั้งหมดแปดอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ลิฟต์อวกาศ ที่โยงจากพื้นโลกขึ้นยังสถานีอวกาศนอกโลก เพื่อขนส่งอะไรต่อมิอะไรขึ้นไป ทั้งๆ ที่โลกก็หมุนรอบตัวเอง และยังหมุนรอบดวงอาทิตย์ และตัวระบบสุริยะก็ยังหมุนวนของมันไปอีก
แนวคิดนี้อยู่ในนิยายน้ำพุแห่งสรวงสวรรค์ เมื่อปี 2522 ถัดมาอีกสามปียังทำรายงานนำเสนอการทดลองลิฟต์อวกาศในจินตนาการ เรื่องนี้จนทุกวันนี้ยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็มีคนพยายามอยู่
เรื่องที่สองคือ มิลเลียนเนียม บัก ที่พากันแตกตื่นไปทั่วโลก ทำนายไว้ล่วงหน้าสิบปี เมื่อถึงตอนที่เรานับถอยหลังตอนสิ้นคริสต์ศตวรรษที่ผ่านมากันจริงๆ ผลที่เกิดขึ้นน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับคำทำนาย
อันดับถัดมาคือ ผู้พิทักษ์อวกาศ ระบบป้องกันการโจมตีจากนอกโลก ทำนายไว้เมื่อ 35 ปีก่อน ภัยนั้นเกิดขึ้นแล้วแม้ไม่ใช่จากมนุษย์ต่างดาว แต่จากดาวเคราะห์น้อย และอุกกาบาต องค์การนาซาจัดตั้งโครงการสำรวจภัยคุกคามจากนอกโลกเมื่อปี 2535 เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีการยิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียมหมดอายุที่มีโอกาสจะหล่นลงมาชนใส่โลก
เรื่องที่สี่คือดาวเทียมสื่อสาร นำเสนอผ่านบทความในนิตยสาร Wireless World ตั้งแต่เมื่อปี 2488 ทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
เรื่องที่ห้า การเดินทางด้วยพลังงานปรมาณู การเดินทางไกลไปในอวกาศต้องใช้พลังงานสูงมาก นิวเคลียร์เป็นทางเลือกหนึ่ง เป็นจินตนาการเมื่อ 56 ปีก่อน ล่วงหน้าโครงการโอเรียนที่มีเป้าหมายเดียวกันของอเมริกาในยุคต้นของสงครามเย็นอยู่เล็กน้อย โครงการสะดุดเพราะการตกของยานคอสมอส 954 เมื่อปี 2521 ในแคนาดาก่อให้เกิดการปนเปื้อนกัมมันตรังสีในย่านใกล้เคียง และนาซาฟื้นมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อสองสามปีมานี้ในนามโครงการ "โพรเมธีอุส" แต่ก็ไม่กระดืบไปถึงไหน
คำทำนายที่หกของอาร์เธอร์เมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว คือ ระบบป้องกันแผ่นดินไหว ทั้งทำนายและป้องกันได้ด้วยการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ใต้บริเวณอ่อนไหวต่อแผ่นดินไหวใหญ่ 50 จุดเพื่อเชื่อมต่อเปลือกโลก เรื่องนี้ยังไม่มีวี่แววของความเป็นจริง
เรื่องที่เจ็ด การสำรองมันสมอง เหมือนกับสำรองข้อมูลฮาร์ดดิสก์ที่เรารู้จักกัน พูดแบบไทยๆ คือตัวตายใจไม่ตาย เก็บสำรองไว้ใส่ "เรือนร่าง" หรือเครื่องจักรอื่นๆ ได้ทุกเมื่อ ในอีกแง่หนึ่ง นี่ก็คือความเป็นอมตะ ซึ่งในหลายต่อหลายกรณี เราคิดว่าตายๆ ไปเสียได้ก็ดี แผ่นดินจะได้สูงขึ้น
สุดท้ายคือการแช่แข็งเพื่อกลับมาเกิดใหม่ แบบที่เขาส่งเส้นผมตัวเองไปในอวกาศ แนวคิดนี้ว่าที่จริงเกิดขึ้นแล้วในบางระดับ คือ การแช่แข็งอวัยวะมนุษย์เอาไว้ใช้ แต่เขาจินตนาการไปถึงการส่งขนแช่แข็งไปในยานอวกาศเพื่อหนีจากการระเบิดของดวงอาทิตย์ที่จะเกิดขึ้น ความเป็นไปได้ที่จะรักษาชีวิตคนทั้งคนไว้ด้วยการแช่แข็งทุกวันนี้ยังไม่มี แต่ก็มีคนซื้อความคิดนี้มากกว่า 150 คนส่วนใหญ่ในอเมริกา แม้บริษัทรับแช่แข็งคนจะไม่รับประกันว่าหากฟื้นขึ้นมาได้ จะเหมือนคนเก่าร้อยเปอร์เซ็นต์
ไม่รู้จักปลงกันซะมั่งน้อ
โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ siripong@kidtalentz.com
หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10971