จังหวะชีวิต…การกลับสู่ถนนนักเขียนของ สุกัญญา มิเกล

หลังเงียบหายไปจากการเขียนถึง 4 ปี สุกัญญา มิเกล กลับมาอีกครั้ง ยืนยันความเป็นนักเขียนด้วยการบอกเล่าประสบการณ์และความทรงจำลงในหนังสือ จังหวะชีวิต ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ ร้านเดอะฟอร์เต้ โดยมี ทิวา สาระจูฑะ, เวียง-วชิระ บัวสนธ์ ร่วมพูดคุย และอนันต์ ลือประดิษฐ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
สุกัญญา มิเกล ร็อกเกอร์สาวเจ้าของรางวัลสีสันอะวอร์ด ปี 2539 ก้าวเข้ามาในวงการวรรณกรรมด้วยผลงานรวมเรื่องสั้น ครั้งหนึ่งในชีวิต พร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งแง่บวกและลบ โดยมี ทิวา สาระจูฑะ แห่งนิตยสารสีสัน และ เวียง-วชิระ บัวสนธ์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชนเป็นที่ปรึกษาต้นฉบับ แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลาถึง 4 ปี สุกัญญา มิเกล จึงมีงานเขียนออกมาอีกครั้ง นั่นคือ จังหวะชีวิต โดยการร่วมงานกับสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น
มิเกล เผยถึงที่มาที่ไปของหนังสือ จังหวะชีวิต เล่มนี้ว่า เกิดจากการที่ถูกถามถึงประวัติความเป็นมาของตัวเองอยู่เสมอ จึงคิดว่าควรนำประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นมาเขียนเล่าเป็นหนังสือ โดยทบทวนเรื่องราวที่ยังอยู่ในความทรงจำ ไม่มีขอบเขตว่าเรื่องไหนอยากจะเล่าหรือไม่อยากเล่า คิดอะไรออกตอนนั้นก็เขียนโน้ตย่อไว้ในสมุดก่อน จนคิดว่าได้เรื่องพอแล้วจึงมาเรียบเรียงบนแป้นพิมพ์ดีดเก่า ๆ แต่จะเลือกเรื่องที่เห็นว่ามีประโยชน์ต่อคนอ่าน หรืออย่างน้อยคนอ่านอ่านแล้วต้องได้อะไรจากเรื่องนั้นบ้าง ไม่ใช่การระบายอารมณ์ ซึ่งเป็นกฎที่เธอตั้งไว้กับตัวเองว่าจะไม่เขียนระบายอารมณ์ลงในหนังสือ
ทิวา สาระจูฑะ บรรณาธิการนิตยสารสีสัน ผู้ให้คำปรึกษาในการเริ่มต้นจับปากกาเขียนหนังสือครั้งแรกของมิเกลในเรื่อง ครั้งหนึ่งในชีวิต เล่าให้ฟังว่า รู้จักและสนิทสนมกับมิเกลมานานแล้ว เพราะตัวเองเป็นคนช่างฟัง ในขณะที่มิเกลเป็นคนช่างพูด จะพูดทุกเรื่องในชีวิตให้ฟัง วันหนึ่งมิเกลก็มาบอกว่าอยากจะเขียนหนังสือ แต่ไม่รู้จะเขียนอย่างไร จึงบอกว่าให้เขียนอย่างที่รู้สึก เพราะเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าเขียนหนังสือแล้วคนอ่านรู้เรื่องก็เป็นอันใช้ได้ แล้วก็บอกให้อ่านหนังสือมาก ๆ เพราะไม่ว่าอาชีพอะไรถ้าอ่านหนังสือมากแล้วจะได้เปรียบ หลังจากนั้นมิเกลก็หอบต้นฉบับมาให้อ่าน รู้สึกว่ายังไม่เข้าที่เท่าไหร่ จึงบอกให้มิเกลแก้ไขเอง แล้วก็โทรหาเวียง (วชิระ บัวสนธ์) เพราะเห็นว่าถนัดเรื่องพ็อกเก็ตบุ๊คมากกว่า
วชิระ บัวสนธ์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน ผู้ให้คำปรึกษาในการเขียนอีกคนหนึ่งของมิเกล เปิดเผยว่า "ก่อนหน้านั้นผมรู้จักมิเกลว่าเป็นนักร้อง ไม่คิดว่าจะเขียนหนังสือ ซึ่งในขั้นต้นผมเองประเมินมิเกลต่ำทรามกว่านั้น คิดว่าคงเขียนหนังสือไม่เป็น อาจจะอาศัยชื่อของสุกัญญา มิเกลมาหากิน เหมือนกับที่กำลังนิยมกันอยู่ในขณะนี้ แต่พอได้อ่านต้นฉบับก็รู้สึกว่าเขาเขียนหนังสือเป็น ยิ่งได้มาอ่านเล่มสอง คือ จังหวะชีวิต รู้สึกว่ามิเกลเขียนหนังสือดีขึ้น เขามีพัฒนาการ อ่านเข้าใจง่ายและใช้ภาษาได้ดีขึ้นมากถ้าเทียบกับเล่มแรก คือมีลีลา มีสำบัติสำนวนมากขึ้น มีวิธีการนำเสนอที่ชัดเจน และอีกอันหนึ่งที่ผมว่าสำคัญมากและเห็นได้ชัด คือ ผู้เขียนปรารถนาที่จะให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์ พูดง่าย ๆ ก็คือมันอาจเป็นสำนึกของนักเขียนหรือคนเขียนอย่างมิเกลว่า เอาล่ะฉันจะเขียนงานขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ไม่ใช่จะเป็นแค่งานที่ระบายอารมณ์หรือไม่ใช่ว่าจะเขียนไปเรื่อยเปื่อย เพราะฉะนั้นผู้อ่านจะได้ประโยชน์จากตรงนี้" บรรณาธิการหนุ่มกล่าว
สุกัญญา มิเกล กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะร้องเพลงให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไปร่วมงานในวันนั้นฟังว่า "มิเกลจะยังคงเขียนหนังสือต่อไปเรื่อย ๆ แม้จะเป็นงานอดิเรก แต่ก็เป็นงานอดิเรกที่รักมาก ๆ ยังมีเรื่องราวและแง่คิดที่รู้สึกว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านอีกมาก อยากให้ผู้อ่านได้เก็บเกี่ยวประโยชน์จากตรงนี้"
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก http://www.praphansarn.com