Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : ลีลาการเขียนข่าวธุรกิจกับการรับรู้ความน่าเชื่อถือของผู้ส่งสาร

พัชรินทร์ จงยิ่งเจริญวงศ์  (2547) นิสิตปริญญาโท  คณะนิเทศศาสตร์  สาขาวิชาวารสารสนเทศ  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ทำการวิจัยเรื่องลีลาการเขียนข่าวธุรกิจกับการรับรู้ความน่าเชื่อถือของผู้ส่งสาร  กลุ่มตัวอย่างเป็นแบ่งเป็นผู้ที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยกับการอ่านข่าวเศรษฐกิจจำนวน 144 คน ผลการวิจัยพบว่า   กลุ่มตัวอย่างประเมินว่าผู้เขียนข่าวที่ใช้ภาษาเรียบง่ายน่าเชื่อถือในด้านความเชี่ยวชาญมากกว่าผู้เขียนข่าวที่ใช้ภาษาซับซ้อน  กลุ่มตัวอย่างเข้าใจข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาเรียบง่ายมากกว่าข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาซับซ้อนและยังประเมินว่าน่าสนใจมากกว่าด้วย  ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและความคุ้นเคยในการอ่านข่าวเศรษฐกิจ  และระหว่างลีลาการเขียนและการทราบแหล่งที่มาของข่าวที่อาจมีผลต่อการประเมินความน่าเชื่อถือ

พัชรินทร์ จงยิ่งเจริญวงศ์.  (2547).  ลีลาการเขียนข่าวธุรกิจกับการรับรู้ความน่าเชื่อถือของผู้ส่งสาร.  วิทยานิพนธ์ นศ.ม. (วารสารสนเทศ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.  อาจารย์ที่ปรึกษา:ผศ.ดร. ดวงกมล ชาติประเสริฐ.

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาการใช้ภาษาไทยในการรายงานข่าวเศรษฐกิจว่า ลีลาการเขียนแบบใดสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้มากที่สุด เพื่อนำผลการวิจัยไปปรับปรุงการเขียนข่าวให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยในด้านวรสารสนเทศ งานวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิจัยแบบทดลอง (Experiment Research) โดยให้กลุ่มตัวอย่างซึ่งแบ่งเป็นผู้ที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยกับการอ่านข่าวเศรษฐกิจจำนวน 144 คน อ่านข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาที่แตกต่างกัน ผู้เข้าทดลองแต่ละคนจะต้องอ่านข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาเรียบง่ายและภาษาซับซ้อน หลังจากนั้นจึงทดสอบความเข้าใจและทำแบบสอบถามประเมินความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจ 

 

ผลการวิจัยพบว่า 

  1. กลุ่มตัวอย่างประเมินว่าผู้เขียนข่าวที่ใช้ภาษาเรียบง่ายน่าเชื่อถือในด้านความเชี่ยวชาญมากกว่าผู้เขียนข่าวที่ใช้ภาษาซับซ้อนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 
  2. ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและความคุ้นเคยในการอ่านข่าวเศรษฐกิจที่อาจมีผลต่อการประเมินความน่าเชื่อถือ 
  3. ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและการทราบแหล่งที่มาของข่าวที่อาจมีผลต่อการประเมินความน่าเชื่อถือ
  4. กลุ่มตัวอย่างเข้าใจข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาเรียบง่ายมากกว่าข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาซับซ้อนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 
  5. กลุ่มตัวอย่างประเมินว่าข่าวเศรษฐกิจที่ใช้ภาษาเรียบง่ายน่าสนใจกว่าข่าวเศรษฐกิจที่ใช้ภาษาซับซ้อนและพบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและความคุ้นเคยในการอ่านข่าวเศรษฐกิจ คือ ความต่างของค่าเฉลี่ยด้านความชัดเจนและความเข้าใจง่ายของข่าวในกลุ่มผู้ไม่คุ้นเคยกับการอ่านข่าวเศรษฐกิจจะเห็นชัดเจนกว่ากลุ่มผู้ที่คุ้นเคยกับการอ่านข่าวเศรษฐกิจ