Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การเขียน และความ สนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนแบบแก้ปัญหาแบบ IDEAL กับการสอนตามคู่มือครู

วารุณี  สิงห์ประสาทพ (2544) นิสิตปริญญาโท สาขาการมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนคริน-ทรวิโรฒได้ทำวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การเขียน และความสนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ที่ได้รับการสอนแบบแก้ปัญหาแบบ IDEALกับการสอนตามคู่มือครู กลุ่มตัวอย่างป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนโยธินบูรณะ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร จำนวน 94 คน ผลการศึกษาพบว่า  1) นักเรียนที่ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบ IDEALกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตามคู่มือครู มีความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษ และความสนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01  2) นักเรียนที่ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบ IDEALกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตามคู่มือครู ก่อนและหลังการทดลอง มีความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษ และความสนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

วารุณี  สิงห์ประสาทพร. (2544). การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การเขียน และความ สนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3ที่ได้รับการสอนแบบแก้ปัญหาแบบ IDEALกับการสอนตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. คณะกรรมการควบคุม:ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บังอร พานทอง, รองศาสตราจารย์ อัจฉรา  สุขารมณ์.

การศึกษาครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การเขียน และความสนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3ที่ได้รับการสอนแบบแก้ปัญหาแบบ IDEALกับการสอนตามคู่มือครู

กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 จำนวน 2 ห้องเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนโยธินบูรณะ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ที่ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย(Simple Random Sampling)โดยวิธีการจับฉลาก แล้วแบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 47 คน โดยกลุ่มทดลองให้ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบ IDEALและกลุ่มควบคุมให้ได้รับการสอนตามคู่มือครู แบบแผนการสอนเป็นแบบทดสอบก่อนและหลังการทดลอง(Randomized Control Group Pretest-Posttest)ใช้เวลาในการทดลอง 20 คาบ คาบละ 50 นาที และใช้เนื้อหาเดียวกันในการสอนทั้ง 2 กลุ่ม

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่าน แบบทดสอบวัดความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษ และแบบทดสอบความสนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ สถิติที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ t-test for Independent Samples และ t-test for Dependent Samples

ผลการศึกษาพบว่า

  1. นักเรียนที่ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบIDEALกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตาม คู่มือครู มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

  2. นักเรียนที่ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบ IDEALกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตาม คู่มือครู มีความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

  3. นักเรียนที่ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบIDEALกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตาม คู่มือครู มีความสนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

  4. นักเรียนที่ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบIDEALกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตาม คู่มือครู ก่อนและหลังการทดลอง มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

  5. นักเรียนที่ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบIDEALกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตาม คู่มือครู ก่อนและหลังการทดลอง มีความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

  6. นักเรียนที่ได้รับการสอนการแก้ปัญหาแบบIDEALกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตาม คู่มือครู ก่อนและหลังการทดลอง มีความสนใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01