งานวิจัย : การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยที่สอนโดย วิธีกลุ่มเพื่อช่วยเพื่อนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนราชินี
นภวรรณ เกตุกำจร (2545) นิสิตปริญญาโท สาขาประถมศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ-โรฒ ได้ทำวิจัยเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยที่สอนโดยวิธีกลุ่มเพื่อช่วยเพื่อนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนราชินี กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 42คน ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยที่สอนโดยวิธีกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
นภวรรณ เกตุกำจร. (2545). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยที่สอนโดย วิธีกลุ่มเพื่อช่วยเพื่อนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนราชินี. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.(ประถมศึกษา). กรุงเทพฯ :บัณทิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.คณะกรรมการควบคุม :รองศาสตราจารย์ กรรณิการ์ พวงเกษม,ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ลัดดาวัลย์ เกษมเนตร.
จุดมุ่งหมายในการวิจัยครั้งนี้ เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยที่สอนโดยวิธีกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1โรงเรียนราชินี สังกัดสำนักคณะกรรมการการศึกษาเอกชน จังหวัดกรุงเทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2ปีการศึกษา 2544 จำนวน 7ห้องเรียน 290 คน (ในแต่ละห้องเรียนทางโรงเรียนได้จัดแบ่งคละเก่ง ปานกลาง อ่อน)
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1โรงเรียนราชินี สังกัดสำนักคณะกรรมการการศึกษาเอกชน จังหวัดกรุงเทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2ปีการศึกษา 2544จำนวน 1ห้องเรียน ห้องเรียนมี 42 คน (แต่ได้แบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มทดลองแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ 14คน และเป็นกลุ่มทดลองศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความ 28คน) ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Sample Random Sampling)โดยการจับฉลาก
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แผนการสอนวิชาภาษาไทยและแบบวัดผลสัมฤทธิ์การอ่านเพื่อจับใจความ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม(Analysis of Covariance)
ผลการวิจัยพบว่า
ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทยที่สอนโดยวิธีกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05