Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาพระ

พวงเพชร  บงบุตร(2549)  นักศึกษาปริญญาโท  คณะครุศาสตร์  สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน   มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร  ได้ทำการวิจัยเรื่องการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาพระ  สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา  นครพนม  เขต 2  ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยประกอบด้วยครู  ผู้ปกครองนักเรียน  และนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย  ผลการวิจัยพบว่า  สภาพปัญหาการขาดนิสัยรักการอ่านของนักเรียนมีสาเหตุมาจาก  1) ครูขาดการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ  2) โรงเรียนขาดแคลนแหล่งเรียนรู้  3) ผู้ปกครองขาดการเอาใจใส่  และ 4) ตัวของผู้เรียนขาดความสนใจในการอ่าน  จากสาเหตุดังกล่าวผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยจึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนขึ้น  ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้  1) กิจกรรมการเขียนหนังสือสำหรับเด็ก  2) กิจกรรมการเล่านิทาน  3) กิจกรรมภาษาไทย  ภาษาอังกฤษวันละคำ  4) กิจกรรมการเล่าข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน  5) กิจกรรมยอดนักอ่าน  6) กิจกรรมการประกวดเพื่อส่งเสริมการอ่าน  7) กิจกรรมห้องสมุดเพื่อการเรียนการสอน  และ 8) กิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่ผู้ปกครองจัดขึ้นที่บ้าน  ผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนทั้ง 8กิจกรรมดังกล่าว  พบว่า  สามารถพัฒนานิสัยรักการอ่านของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้ดี  กล่าวคือ  นักเรียนใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือต่างๆ มากขึ้น  ทั้งในห้องเรียน  ห้องสมุด  และที่บ้าน

พวงเพชร  บงบุตร.  (2549).  การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาพระ  สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา  นครพนม  เขต 2.  ค.ม. (หลักสูตรและการสอน).  สกลนคร : บัณฑิตวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร.  กรรมการที่ปรึกษา : ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.สำราญ  กำจัดภัย, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แจ่มจันทร์  สุวรรณรงค์

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาพระ  อำเภอนาหว้า  จังหวัดนครพนม  โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม 4 ขั้นตอนหลัก  คือ  ร่วมวางแผน  ร่วมปฏิบัติตามแผน  ร่วมสังเกตตรวจสอบการดำเนินงานตามแผน  และร่วมสะท้อนผลเพื่อการปรับปรุง  ซึ่งผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยประกอบด้วย  ผู้วิจัย  ครู  ผู้ปกครองนักเรียน  และนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย

ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้

สภาพปัญหาการขาดนิสัยรักการอ่านของนักเรียนมีสาเหตุมาจาก  1) ครูขาดการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ  2) โรงเรียนขาดแคลนแหล่งเรียนรู้  3) ผู้ปกครองขาดการเอาใจใส่  และ 4) ตัวของผู้เรียนขาดความสนใจในการอ่าน  จากสาเหตุดังกล่าวผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยจึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนขึ้น  ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้  1) กิจกรรมการเขียนหนังสือสำหรับเด็ก  2) กิจกรรมการเล่านิทาน  3) กิจกรรมภาษาไทย  ภาษาอังกฤษวันละคำ  4) กิจกรรมการเล่าข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน  5) กิจกรรมยอดนักอ่าน  6) กิจกรรมการประกวดเพื่อส่งเสริมการอ่าน  7) กิจกรรมห้องสมุดเพื่อการเรียนการสอน  และ 8) กิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่ผู้ปกครองจัดขึ้นที่บ้าน  เช่น  การอ่านหนังสือเป็นแบบอย่างแก่บุตรหลาน  การซื้อหนังสือให้บุตรหลานอ่านที่บ้าน  การกำหนดเวลาในการอ่านหนังสือ  การสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานและรายงานให้ครูทราบ  เป็นต้น

ผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนทั้ง 8กิจกรรมดังกล่าว  พบว่า  สามารถพัฒนานิสัยรักการอ่านของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้ดี  กล่าวคือ  นักเรียนใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือต่างๆ มากขึ้น  ทั้งในห้องเรียน  ห้องสมุด  และที่บ้าน