งานวิจัย : การพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียน ระดับช่วงชั้นที่ 2 โดยการเรียนแบบร่วมมือตามวิธีสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม
ละเอียด ตลับนาค (2547)นักศึกษาปริญญาโท สาขาการการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ทำงานวิจัยเรื่อง การพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับช่วงชั้นที่ 2 โดยการเรียนแบบร่วมมือตามวิธีสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม กลุ่มตัวอย่างเป็น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 35 คน จากโรงเรียนวัดเสมียรนารี กรุงเทพมหานคร เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยคือ แผนการจัดการเรียนรู้ตามวิธีสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษ แบบทดสอบย่อย แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนต่อการเรียนแบบการสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีพัฒนาการทางการอ่านภาษาอังกฤษดีขึ้น ผลการสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังการเรียนแบบร่วมมือตามสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่มสูงกว่าผลการสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษก่อนการเรียนแบบร่วมมือตามสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนมีเจคติที่ดีต่อการเรียนแบบร่วมมือตามสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม
ละเอียด ตลับนาค. (2547). การพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับช่วงชั้นที่2 โดยการเรียนแบบร่วมมือตามวิธีสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่มสารนิพนธ์ ศศ.ม.(การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ). กรุงเทพฯ : บัณทิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อาจารยที่ปรึกษาสารนิพนธ์ :อาจารย์เตือนใจ เฉลิมกิจ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการพัฒนาความเข้าใจในการอ่านของนักเรียนในช่วงระดับช่วงชั้นที่2 (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4) และเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบร่วมมือตามวิธีเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่4 จำนวน 35 คน จากโรงเรียนวัดเสมียรนารี กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย ระยะเวลาในการทดลอง 22 ชั่วโมง นักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างฝึกการอ่านภาษาอังกฤษตามแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการเรียนแบบร่วมมือตามวิธีสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม โดยการอ่านเรื่อง ค้นคว่าหาความรู้เพิ่มเติม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น วางแผนการนำเสนอผลงาน นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ประเมินผลการทำงานกลุ่มร่วมกัน โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกและให้คำปรึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยคือ แผนการจัดการเรียนรู้ ตามวิธีสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษ แบบทดสอบย่อย แบบสังเกต พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนต่อการเรียนแบบการสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือการหาเฉลี่ย การหาค่าร้อยละ และการหาความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษระหว่างก่อนและหลังการเรียนโดยสูตร t-testแบบ Dependent group
ผลการวิจัยพบว่า
-
นักเรียนมีพัฒนาการทางการอ่านภาษาอังกฤษดีขึ้น ผลการสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังการเรียนแบบร่วมมือตามสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่มสูงกว่าผลการสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษก่อนการเรียนแบบร่วมมือตามสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
-
นักเรียนมีเจคติที่ดีต่อการเรียนแบบร่วมมือตามสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม