Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

ความสนใจในการอ่านและวิจารณญาณในการอ่านหนังสือพิมพ์รายวันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน

สมหมาย อ่องชุ่ม (2534) นิสิตปริญญาโท สาขาบรรณารักษศาสตร์  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ได้ทำวิจัยเรื่อง ความสนใจในการอ่านและวิจารณญาณในการอ่านหนังสือพิมพ์รายวันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กลุ่มตัวอย่าง 40 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดย กลุ่มทดลองที่ 1 ได้รับกิจกรรมการเล่าเรื่องจากหนังสือพิมพ์และ สนทนาเรื่องจากหนังสือพิมพ์สัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นเวลา 8 สัปดาห์ กลุ่มทดลองที่ 2ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่านโดยการทายปัญหา จากแบบสอบถามควมมสนใจในการอ่านเนื้อหาของข่าวและคอลัมน์ ในหนังสือพิมพ์รายวัน และแบบทดสอบความสามารถในการอ่าน อย่างมีวิจารณญาณ พบว่า นักเรียนทั้ง 2 กลุ่ม มีความสนใจในการอ่านหนังสือพิมพ์สูงกว่าก่อนการได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยกลุ่มที่ 1 มีความสนใจในการอ่านหนังสือพิมพ์รายวันไม่แตกต่างจากกลุ่มที่ 2  และกลุ่มที่ 1 มีความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณสูงกว่าก่อนการได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และกลุ่มที่ 1 มีความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณสูงกว่ากลุ่มที่2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05


สมหมาย อ่องชุ่ม, (2534). ความสนใจในการอ่านและวิจารณญาณในการอ่านหนังสือพิมพ์รายวันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (บรรณารักษศาสตร์). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

ความมุ่งหมายของการวิจัยนี้เพื่อเปรียบเทียบความสนใจ ในการอ่านหนังสือพิมพ์รายวันและความสามารถในการอ่าน อย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนที่ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ของห้องสมุดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 40 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง ที่ 1 จำนวน 20 คน กลุ่มทดลองที่ 2 จำนวน 20 คน โดย กลุ่มทดลองที่ 1 ได้รับกิจกรรมการเล่าเรื่องจากหนังสือพิมพ์และ สนทนาเรื่องจากหนังสือพิมพ์สัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นเวลา 8 สัปดาห์ กลุ่มทดลองที่ 2 ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่านโดยการทายปัญหา จากแบบสอบถามควมมสนใจในการอ่านเนื้อหาของข่าวและคอลัมน์ ในหนังสือพิมพ์รายวัน และแบบทดสอบความสามารถในการอ่าน อย่างมีวิจารณญาณ


ผลการวิจัย พบว่า นักเรียนกลุ่มทดลองที่ 1 ที่ได้รับกิจกรรม ส่งเสริมการอ่านโดยวิธีการเล่าเรื่องจากหนังสือพิมพ์และสนทนาเรื่อง จากหนังสือพิมพ์มีความสนใจในการอ่านหนังสือพิมพ์สูงกว่าก่อนการ ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนกลุ่มทดลองที่ 2 ที่ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่านโดยวิธี การทายปัญหาจากหนังสือพิมพ์และประกวดการสรุปข่าวในรอบสัปดาห์ มีความสนใจในการอ่านหนังสือพิมพ์สูงกว่าก่อนการได้รับกิจกรรม ส่งเสริมการอ่านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนกลุ่มทดลองที่ 1 ที่ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน โดยวิธีการเล่าเรื่องจากหนังสือพิมพ์ มีความสนใจในการอ่านหนังสือพิมพ์ รายวันไม่แตกต่างจากกลุ่มทดลองที่ 2 ที่ได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน โดยการทายปัญหาจากหนังสือพิมพ์และประกวดการสรุปข่าวในรอบสัปดาห์ นักเรียนกลุ่มทดลองที่ 1 มีความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณสูง ก่อนการได้รับกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนกลุ่มทดลองที่ 1 มีความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณสูงกว่า กลุ่มทดลองที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05