Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

การพัฒนาสื่อการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

รุ่งวนา  สุดจิตต์ (2545)  นักศึกษาปริญญาโท  สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ  มหาวิทยาลัยศิลปากร  ได้ทำการวิจัยเรื่องการพัฒนาสื่อการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย  สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  โรงเรียนไทรโยคน้อยวิทยา  จังหวัดกาญจนบุรี    กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยได้มาจากการเลือกอย่างเจาะจง  โดยเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนไทรโยคน้อยวิทยา จังหวัดกาญจนบุรี  ที่ลงทะเบียนรายวิชาภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน (อ 025)  ในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2544  จำนวน 38 คน  ทำการทดลองโดยให้นักเรียนเรียนโดยใช้สื่อการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย จำนวน 8 บท ใช้เวลาทดลอง 16 สัปดาห์ ผลการวิจัยพบว่า 1)  ประสิทธิภาพของสื่อการอ่าน-เขียนภาษา อังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย  มีค่าเท่ากับ 79.26/ 75.04 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพที่ยอมรับได้ 2)  ความสามารถทางการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้สื่อ 3)  ความสามารถทางการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานของนักเรียนที่มีโครงสร้างความรู้เดิมต่างระดับกันหลังเรียนเพิ่มขึ้นต่างกัน 4)  นักเรียนมีความคิดเห็นต่อความเหมาะสมของสื่ออยู่ในระดับดี 5)  เจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้สื่อสูงกว่าก่อนเรียน

รุ่งวนา  สุดจิตต์.  (2545).  การพัฒนาสื่อการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย  สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  โรงเรียนไทรโยคน้อยวิทยา  จังหวัดกาญจนบุรี.  วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.  อาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ : ผศ.ดร.บำรุง  โตรัตน์, ผศ.ดร.เสงี่ยม  โตรัตน์  และ ผศ.ดร.นิคม  ตังคะพิภพ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของสื่อการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย  เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนและหลังการใช้สื่อ  เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษที่เพิ่มขึ้นหลังการใช้สื่อของนักเรียนที่มีโครงสร้างความรู้เดิมต่างระดับกัน  ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนต่อความเหมาะสมของสื่อ  และเปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนที่มีต่อวิชาภาษาอังกฤษก่อนและหลังการใช้สื่อ  กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยได้มาจากการเลือกอย่างเจาะจง  โดยเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  โรงเรียนไทรโยคน้อยวิทยา  จังหวัดกาญจนบุรี  ที่ลงทะเบียนรายวิชาภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน (อ 025)  ในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2544  จำนวน 38 คน  ทำการทดลองโดยให้นักเรียนเรียนโดยใช้สื่อการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย  จำนวน 8 บท  ใช้เวลาทดลอง 16 สัปดาห์   เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย  1) สื่อการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย  จำนวน 8 บท  2) แบบทดสอบวัดโครงสร้างความรู้เดิมเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านไทย  3) แบบทดสอบวัดความสามารถทางการอ่าน-เขียนนิทานภาษาอังกฤษก่อนและหลังการทดลอง  4) แบบสอบถามความคิดเห็นต่อความเหมาะสมของสื่อ  5) แบบสอบถามเจตคติของนักเรียนต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษก่อนและหลังการทดลอง  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่  t-test แบบจับคู่เพื่อเปรียบเทียบความสามารถทางการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษ  เปรียบเทียบความสามารถทางการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษที่เพิ่มขึ้นของนักเรียนที่มีโครงสร้างความรู้เดิมต่างระดับกัน  และเปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนที่มีต่อวิชาภาษาอังกฤษก่อนและหลังการทดลอง  ใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในการหาค่าระดับความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อสื่อ
ผลการวิจัยพบว่า


1.  ประสิทธิภาพของสื่อการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานพื้นบ้านไทย  มีค่าเท่ากับ 79.26/ 75.04 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพที่ยอมรับได้
2.  ความสามารถทางการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้สื่ออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.  ความสามารถทางการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษจากนิทานของนักเรียนที่มีโครงสร้างความรู้เดิมต่างระดับกันหลังเรียนเพิ่มขึ้นต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4.  นักเรียนมีความคิดเห็นต่อความเหมาะสมของสื่ออยู่ในระดับดี
5.  เจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้สื่อสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05