Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

Pablo Neruda รู้จักกวีคนนี้อีกสักครั้ง โดยประภัสสร เสวิกุล

             พาโบล เนรูด้า (Pablo Neruda) มีชื่อเดิมว่า เนฟตาลิ ริคาร์โด เรเยส บาซัวอัลโต(Neftali Ricardo Reyes Bassaoalto) เกิดที่พาเรล เมื่องเล็ก ๆ ทางภาคกลางของชิลี เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม ค.ศ.1904 บิดาเป็นคนงานรถไฟที่ยากจน มารดาเป้นครูแต่เสียชีวิตด้วยวัณโรคตั้งแต่เนรูด้ายังเล็ก ต่อมาบิดาได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเทมูโก และมีภรรยาใหม่

            เนรูด้าเริ่มเขียนบทกวีเมื่ออายุได้ 10 ปี อีก 2 ปีต่อมา เขาได้มีโอกาสพบครูสตรีซึ่งเป็นกวีที่มัชื่อเสียงของชิลี คือกาเบรียลา มิสทรัล (Gabriela Mistral) ซึ่งแนะนำให้เขาอ่านงานของวอลท์ วิตแมน (Walt Whitman) กวีชาวอเมริกัน เนรูด้าชื่นชมกวีผู้นี้มาก และยอมรับว่าวิตแมนมีอิทธิพลต่อเขายิ่งกว่าเชอแวนเตส (Cervantes) ผู้เขียนเรื่องดอนกิโฆเต้
            เนรูด้ามีผลงานลงพิมพ์ในนิตยสารครั้งแรก ในปี 1917 อีกสามปีต่อมา จึงเริ่มใช้นามปากกาพาโบล เนรูด้า โดยหยิบยืมนามสกุลเนรูด้ามาจาก แจน เนรูด้า (Jan Neruda)กวีชาวเช็ก เพื่อตัดปัญหากับทางบ้านซึ่งไม่เห็นด้วยกับการเป็นนักเขียนของเขา ต่อมาใน ค.ศ.1946 จึงได้เปลี่ยนมาใช้นามปากกาเป็นชื่อสกุลจริง
            เนรูด้าสำเร็จวิชาภาษาฝรั่งเศสและศิลปะการสอนจากมหาวิทยาลัยชิลี ในกรุงซันติอาโกเขาเริ่มอาชีพนักเขียนอย่างจริงจัง เมื่ออายุ 23 ปี ต่อมาได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลชิลีให้เป็นกงสุลชิลีประจำพม่าและโยกย้ายไปยังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียและยุโรปหลายประเทศ เช่น ศรีลังกา ชวา สิงคโปร์ อาร์เจนตินา บราซิล และสเปน แต่ไม่เคยว่างเว้นจากการเขียนหนังสือ
            เนรูด้ามีชีวิตรักกับสตรีหลายคน และผ่านการสมรส 3 ครั้ง ครั้งแรกใน ค.ศ.1930กับมาเรีย แอนโตเนตต้า ฮาเก้นอา (Maria Antomieta Hagenarr) ชาวดัชท์ ซึ่งพูดภาษาสเปนไม่ได้ แต่อยู่ด้วยกันเพียง 6 ปี ต่อมาระหว่างช่วงทศวรรษ 1930-1940 เนรูด้าอยู่กินกับเดย่า เดล คาริล (Della del Caril) จิตรกรชาวอาร์เจนตินา ซึ่งชักนำให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง เนรูด้าแต่งงานกับเดย่าใน ค.ศ.1943 แต่การแต่งงานของคนทั้งสองไม่เป็นที่ยอมรับในชิลี ส่งผลให้ต้องแยกทางกัน ในปี 1955  ภรรยาคนสุดท้ายคือมาทิลด้า อูรูเทีย (Matilda Urrutia) นักร้องชาวชิลี ซึ่งแต่งงานกันใน ค.ศ.1966 และเธอเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเขียนบทกวีหลายต่อหลายบท รวมทั้ง “หนึ่งร้อยโคลงรัก” (One Hundred Love Sonnets) อันโด่งดัง
            ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เนรูด้าเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ได้แก่ “เรือนของโลก” (Recidencia en la tierre) ซึ่งเนรูด้าเขียนขณะที่ใช้ชีวิตนักการทูตอยู่ในเอเชีย โดยกล่าวถึงการเมืองและความเป็นธรรมในสังคม
            สงครามกลางเมืองในสเปน และการเสียชีวิตของการ์เซีย ลอร์ก้า (Garcia Lorca) นักเขียนชาวสเปนที่ถูกทางการสังหารอย่างทารุณ สร้างความสะเทือนใจแก่เนรูด้าเป็นอย่างมาก
และทำให้เขาเข้าร่วมกับฝ่ายสาธารณรัฐ ทั้งในสเปนและฝรั่งเศส รวมทั้งลงมือเขียนบทกวีในชุด
            “สเปนในดวงใจ” (Espana en el Corazon) ในปี 1937 ซึ่งได้กลายเป็นบทกวีที่ยิ่งใหญ่ในหมู่ชาวสเปน และในปีเดียวกันนี้ เขาได้เดินทางกลับชีลี เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับการเขียนบทกวีที่มีเนื้อหาทางสังคมและการเมืองใน ค.ศ.1939 เนรูด้าได้รับการแต่งตั้งเป็นกงสุลสำหรับผู้ลี้ภัยชาวสเปน โดยมีสำนักงานอยู่ในกรุงปารีส และย้ายมาเป็นกงสุลใหญ่ชิลีประจำเม็กซิโก ที่นี่เขาได้เขียนบทกวีชุด “บทเพลงแด่ชีลี” (Canto general de Chile) เพื่ออุทิศแด่มวลประชาชาติในอเมริกาใต้ บทกวีชุดนี้ได้รับการพิมพ์เผยแพร่ในเม็กซิโก แต่เป็นหนังสือต้องห้ามในชิลี
            ค.ศ.1943 พาโบล เนรูด้า เดินทางกลับชิลี ต่อมาในปี 1945 เขาได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิก และเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ชิลี ใน ค.ศ.1947 เนรูด้าได้ทำการประท้วงรัฐบาลฝ่ายขวาซึ่งต่อต้านการสไตร์คของคนงานเหมืองแร่ ทำให้ถูกทางการเพ่งเล่งจนต้องเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ เป็นเวลา 2 ปี ก่อนหลบหนีออกนอกประเทศ ไปเมีกซิโก และรัสเซีย จนกระทั่ง
เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปี 1953 จึงได้เดินทางกลับมาบ้านเกิดอีกครั้ง เนรูด้าเคยได้รับการสนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่ได้หลีกทางให้แก่ซัลวาดอร์ อาเยนเด้ และเมื่ออาเยนเด้มีชัยในการเลือกตั้ง ก็ได้แต่งตั้งให้เนรูด้าดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตชิลีประจำฝรั่งเศส ระหว่างปี 1970-1972
            พาโบล เนรูด้า ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม ใน ค.ศ.1971 นับเป็นนักเขียนชิลีคนที่สองซึ่งได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ถัดจากกาเบรียลา มิสทรัล ซึ่งเคยเป็นครูเขา และเป็นคนแรกที่ให้กำลังใจในการเขียนแก่เขา
            วันที่ 11 กันยายน ค.ศ.1973 คณะทหารนำโดยนายพลออกุสโต ปิโนเชต์ (Agusto Pinochet) ได้ก่อการรัฐประหารโค่นล่มรัฐบาลฝ่ายซ้าย อาเยนเด้ยิงตัวตายในทำเนียบประธานาธิบดี หลังจากนั้น อีกเพียง 12 วัน พาโบล เนรูด้า ก็ตรอมใจตายในบ้านพักที่กรุงซันติอาโก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 1973.
 
ประภัสสร เสวิกุล
ซันติอาโก ชิลี, 21 มีนาคม 2550