Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

Book Crossing

    หากว่าคุณพบเห็นหนังสือถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะในร้านกาแฟ  บนม้านั่งในสวนสาธารณะ วางไว้บนเตียงในห้องพักของโรงแรม ท่าเรือข้ามฟาก ร้านก๋วยเตี๋ยว โรงพยาบาล หรือไม่ว่าที่ไหนๆ ในโลก โปรดจำไว้ว่า นั่นอาจไม่ได้เป็นแค่หนังสือที่มีคนลืมทิ้งไว้–แต่เป็นหนังสือที่เจ้าของจงใจลืม
หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาแล้วพลิกดูให้ดี ถ้าเจอข้อความ www.bookcrossing.com พร้อมเลขทะเบียนหนังสือ และรายชื่อของคนที่เคยเป็นเจ้าของหนังสือแปะอยู่ด้านในปกหลัง แสดงว่าคุณได้รับเชิญให้เป็นส่วนหนึ่งของ Book Crossing ชุมชนรักการอ่านที่ใหญ่ที่สุดในโลกเข้าแล้ว
     ชาว Book Crossing “ปล่อย” และ “หยิบ” หนังสือกันไปทั่วโลก วิธีการก็คือ เมื่อเราถูกใจหนังสือเล่มไหนและอยากแบ่งให้คนอื่นๆ อ่านด้วย หรืออยากบริจาค ก็ให้คลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ของ Book Crossing เพื่อลงทะเบียนหนังสือเล่มนั้นเพื่อขอเลขทะเบียนและรหัสของหนังสือบนเว็บไซต์ จากนั้นก็จัดการเขียนมันลงบนหนังสือ เสร็จแล้วก็นำไป “ปล่อย” ได้
เมื่อมีคนมาพบหนังสือเล่มนี้เข้าและได้อ่านข้อความหนังสือ เขาก็จะคลิกเข้ามาลงทะเบียนในเว็บไซค์ทำให้รู้ว่าตอนนี้หนังสือเล่มนี้เดินทางไปอยู่กับใครและที่ไหนแล้ว
     เรื่องราวเท่ๆ ของการส่งต่อและสะกดรอยการเดินทางของหนังสือนี้ไม่ได้กำเนิดจากองค์กรพัฒนาเอกชนหรือหน่วยงานรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการอ่านหรือขจัดความไม่รู้หนังสืออย่างที่หลายคนคิด หากแต่เกิดจากสามีภรรยาอเมริกันคู่หนึ่งที่ติดใจระบบการติดตามสิ่งของทางเว็บไซต์ ทั้งคู่จึงนึกสนุกอยากจะสร้างเว็บไซต์แบบเดียวกับ WheresGeorge.com (ติดตามการเดินทางของธนบัตรดอลลาร์อเมริกา) ขึ้นมาบ้างและเห็นว่า “หนังสือ” นี่ละ ที่เป็นสิ่งของที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางรอบโลก
     รอน ฮอร์นเบเคอร์และคาโอริผู้เป็นภรรยาตั้งชื่อโครงการของพวกเขาว่า book crossing โดยไม่ลืมเสิร์ชหาคำนี้ในกูเกิ้ลเพื่อให้แน่ใจว่ายังไม่มีใครทำสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ จากนั้นก็นำไอเดียบรรเจิดนี้ไปเล่าให้เพื่อนที่เป็นโปรแกรมเมอร์ฟัง เขาตกลงช่วยสร้างโปรแกรมการติดตามหนังสือออกมาเว็บไซต์ www.bookcrossing.com ในเดือนเมษายน 2001
     9 ปีผ่านไป จากสมาชิก 100 กว่าคน ตอนนี้ Book Crossing มีสมาชิกอยู่ราว 840,000 คน ใน 130 ประเทศและมีหนังสือที่เดินทางส่งต่อกันอยู่กว่า 6 ล้านเล่ม กลายเป็นชุมชนนักอ่านที่ยิ่งใหญ่ ทำให้คนรู้จักการเอื้อเฟื้อแบ่งปัน เป็นแรงผลักดันให้คนหันมาอ่านหนังสือ ช่วยประหยัดทรัพยากร (การพิมพ์หนังสือ) และช่วยระบายหนังสือที่อ่านแล้วออกจากชั้นหนังสือของแต่ละบ้านคล้ายคลึงการบริจาคสิ่งดีๆ
ที่ bookcrossing.com มีข้อความสนุกๆ เกี่ยวกับการปล่อยหนังสือและเก็บหนังสือได้อยู่เต็มไปหมด
      เช่น “วาง On Chesil Beach ไว้บนโต๊ะที่ร้านกาแฟในศูนย์นันทนการแสตนลีย์ เมืองซัสเซ็ก อังกฤษ” หรือ  “เจอ The Iron Wolf and Other Stories ที่ youth hostel ในบริสตอล ประเทศอังกฤษ อ่านจบแล้วจะส่งต่อ”
      หนังสือที่เดินทางมากที่สุดและตกอยู่ในมือของสมาชิกมากที่สุดคือ  Der seltsame Bucherfreund / Hoffnung's Constant Readers  ส่วนหนังสือที่คนนำมาลงทะเบียนเพื่อส่งต่อให้คนอื่นอ่านมากที่สุดคือ The Davinci Code
      จากสถิติล่าสุดพบว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีคนปล่อยหนังสือไว้มากที่สุดในรอบ 30 วัน คือ 6,086 เล่ม ตามด้วยเยอรมนี 4,757 เล่ม ประเทศไทยมีสมาชิก Book Crossing ปล่อยหนังสือทิ้งไว้ 47 เล่มในรอบ 30 วันต้นปีนี้ (29 ธันวาคม 2552- 29 มกราคม 2553)
       ขอบคุณนักอ่านนิรนามที่มาส่งต่อหนังสือที่นี่ ทำให้ประเทศไทยได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของห้องสมุดระดับโลกที่ชื่อว่า Book Crossing แต่คงจะดีกว่านี้ถ้ามีคนอ่านหนังสือและส่งต่อกันมากกว่านี้…ที่เมืองไทย
 

 

ภาพจาก http://bookcrossing.com