Ataol Behramoglu ผู้เรียกร้องความรักแห่งตุรกี
Ataol Behramoglu เป็นกวีสังคมนิยมแห่งตุรกี ผู้สร้างสรรค์กวีนิพนธ์เพื่อสังคมและการปฏิวัติที่มิได้ตัดขาดจากอาณาจักรส่วนบุคคลของมนุษย์
ขอให้รู้ไว้ว่ามวลมนุษยชาติเป็นเพื่อนของเธอ
พี่น้องของเธอ หญิงสาวของฉัน
มนุษย์เป็นผลผลิตของความรื่นรมย์
มิใช่ความเกลียดชัง หญิงสาวของฉัน
จงหยิ่งในเกียรติขณะเผชิญความอยุติธรรม
พึงค้อมหัวเมื่อพบพานความรัก
(จาก When Faced by Love ของ Ataol Behramoglu)
เขากล่าวว่าบทบาทของกวีนิพนธ์คือ “การปกป้องความจริง ความเป็นมนุษย์ ความสมบูรณ์และความงามจากการหลอกลวงที่แพร่หลายตามสื่อมวลชนโดยลัทธิจักรวรรดินิยมและจากความเท็จและเทียมของสิ่งต่าง ๆ ที่มันสร้างขึ้นมา” เช่นเดียวกับปัญญาชนตุรกีจำนวนมากที่พัวพันกับการเมือง ผู้เป็นกวีต้องจ่ายราคาแพงสำหรับความเชื่อในสังคมนิยมและสันติภาพ
ในยุคมืดหลังรัฐประหารของทหารในปี 1980 เขาถูกจำคุกสิบเอ็ดเดือนระหว่างการพิจารณาคดีของสมาคมสันติภาพแห่งตุรกี ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ต่อสู้เพื่อสันติภาพและการลดอาวุธ
ความรักและการเมืองเป็นสาระสำคัญในกวีนิพนธ์ของอตาโอล เบห์ราโมก์ลู ทว่า ผู้เป็นกวีไม่ค่อยได้กล่าวถึงความรักโดยตัวมันเอง แต่อภิปรายในบริบทของสังคมที่กว้างขวางขึ้น โลกที่เป็นจริง ซึ่งเป็นโลกของการต่อสู้ทางสังคม ความอยุติธรรม และโศกนาฏกรรมของปัจเจกบุคคล เป็นภูมิหลังของความรัก ความรักเป็นการกระทำมากกว่าอารมณ์ และการร่วมรักจึงมีนัยทางสัญลักษณ์ อย่างในบทเปิดของ “ต้องมีสักวัน” (1965) ที่ว่า
“วันนี้ฉันร่วมรัก และจากนั้นฉันร่วมเดินขบวน” กิจกรรมของความรักและการเดินขบวนประท้วงแสดงออกซึ่งความต้องการที่จะกระทำเช่นเดียวกัน เพื่อเข้าถึงความเป็นจริงและทำให้มันเป็นรูปธรรม การเชื่อมโยงระหว่างความรักกับการเมืองเป็นสารัตถะสำคัญอย่างหนึ่งในกวีนิพนธ์สังคมนิยม ความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ขยายมาจากความรักส่วนบุคคลตามธรรมชาตินั้นเป็นเนื้อหาที่ถูกใช้โดยกวีอย่าง หลุยส์ อรากง, ปอล เอลวร์ด และ นาซิม ฮิกเมต ผู้ซึ่งเขียนว่า “ชีวิตไม่คู่ควรกับการดำรงอยู่ หากมิได้มีความรัก ทั้งกับคนผู้เดียวและกับผู้คนนับล้าน” กล่าวได้ว่าความรักในกวีนิพนธ์ของเบห์ราโมก์ลูเป็นพื้นฐานของความการุณย์ สันติภาพ และสังคมมนุษย์
อตาโอล เบห์ราโมก์ลู ถือกำเนิดเมื่อ ค.ศ. 1942 ในเขตชาตัลจาของนครอิสตันบูล ศึกษาภาษาและวรรณกรรมรัสเซียและจบจากมหาวิทยาลัยอังการาในปี 1966 หนึ่งปีหลังจากตีพิมพ์รวมบทกวีเล่มแรก Bir Ermeni General (นายพลอาร์เมเนีย) ในปี 1962 ขณะเป็นนักศึกษา เขาเข้าพรรคคนงานตุรกีและรับผิดชอบหน้าที่หลายอย่างในองค์กรทางการเมืองที่เพิ่งจัดตั้งนี้ รวมบทกวีเล่มต่อมา Bir Gun Mutlaka (1969; ต้องมีสักวัน) กลายเป็นหมุดหมายแห่งกวีนิพนธ์สังคมนิยมตุรกี ในยุค 1960 และ 1970
เขาเป็นบรรณาธิการนิตยสารทางวัฒนธรรมสังคมนิยมอันทรงอิทธิพลหลายฉบับ แต่มีอายุสั้น ๆ เช่น Halktn Dostlari (เพื่อนของประชาชน) เป็นผู้พิมพ์ผู้โฆษณาร่วมเพื่อนกวี อิสเมต โอเซล และ Militan (นักต่อสู้) เป็นบรรณาธิการร่วมกับน้องชาย นิฮัต เบห์ราม ซึ่งเขาเองก็เป็นกวีและนักเขียนนวนิยายมีชื่อ เขายังผู้ร่วมก่อตั้ง Sanat Emegi (แรงงานของศิลปะ) วารสารสังคมนิยมรายเดือนอันทรงอิทธิพล
เขาลี้ภัยครั้งแรกในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ขณะพำนักอยู่ที่ปารีส เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคณะละคร Théâtre de Liberté และระหว่างปี 1972-74 เป็นนักวิจัยด้านนิรุกติศาสตร์ภาษารัสเซียที่มหาวิทยาลัยรัฐมอสโก เมื่อกลับมาตุภูมิในปี 1974 เขาเป็นผู้วิจัยและพัฒนาการละครให้กับโรงละครแห่งชาติตุรกี แต่อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับนักสังคมนิยมจำนวนมาก เขาถูกบีบคั้นหลังจากทหารทำรัฐประหารในปี 1980 Ne Yagmur . . . Ne siirler . . . (1976; ไม่มีสายฝน . . . หรือบทกวี . . .) รวมบทกวีของเขาถูกยึดและทำลาย
ครั้นปี 1980 เขาออกนอกประเทศไปฝรั่งเศสที่ลี้ภัยอยู่จนถึงปี 1989 ขณะพำนักที่ปารีส เขาเป็นบรรณาธิการวารสาร Anka สิ่งพิมพ์ภาษาฝรั่งเศสที่ให้ความสำคัญกับวรรณกรรมตุรกี และเรียนจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยซอร์บอน โดยทำวิทยานิพนธ์ว่าด้วยกวีศาสตร์เปรียบเทียบระหว่างนาซิม ฮิกเมต กับ วลาดีมีร์ มายาคอฟสกี้
เมื่อกลับบ้านเกิดเมืองนอน เบห์ราโมก์ลูได้รับเลือกเป็นประธานสหภาพนักเขียนตุรกีสองสมัย และในปี 2003 ก็ได้รับรางวัลกวีนิพนธ์ยอดเยี่ยมประจำปี 2003 จากเพนสากลแห่งตุรกี
ความรักฉันชู้สาวและการต่อสู้ทางการเมืองอาจจะเป็นสาระสำคัญในกวีนิพนธ์ของอตาโอล เบห์ราโมก์ลู ซึ่งเขาจัดกวีนิพนธ์ของตัวเองอยู่ในขนบกวีนิพนธ์เพื่อสังคมตามแนวของสังคมนิยม ผู้เป็นกวีเขียนถึงสารัตถะสองอย่างนี้ว่า
คุณมิอาจละเลยความรักและการต่อสู้ ในศตวรรษของเรา มีตัวอย่างนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะ ในงานของกวีผู้โดดเด่นอย่าง เนรูดา นาซิม มายาคอฟสกี้ เอลวร์ด และอรากง
สิ่งที่สะท้อนอยู่ร่วมกันในบทกวีและบทเพลงของพวกเขา เป็นธรรมชาติมากกว่ามนุษย์ผู้ประสบกับการต่อสู้และความรักในชีวิต
ผู้ซึ่งล้มลงบนแผ่นดิน
…………………………….
พวกเขาบอก
ไปเถิด ไปสู่สงคราม
มิได้บอกอะไรอีก
เขาถูกพาไปจากหมู่บ้าน
มีการไชโยโห่ร้อง
ทิ้งลูกสามคนไว้ข้างหลัง
เมียกับแม่
พวกเขายัดปืน
ใส่มือเขา
และเผชิญ
กองทัพศัตรู
เขาถูกยิงล้มลง
ในการสู้รบครั้งแรก
มีรอยโบ๋บนหน้าอก
และสามรูบนหน้าผาก
คุณ ผู้ซึ่งล้มลงบนแผ่นดิน
เพื่อดินแดนนี้
คุณมีผืนดินสับคืบไหม
ครั้งมีชีวิต?
(จาก The One Who Fell on the Ground ของ Ataol Behramoglu)
—————ส่วนนี้ล้อมกรอบ——-
อ้างอิง
Laurent Mignon, “Introduction: A Poet in Dialogue with the World,” in I’ve Learned Some Things, by Ataol Behramoglu (Austin: University of Texas Press, 2008), XV-XXXIV.
Ataol Behramoglu, “Gazelle to a New Love and other poems,” in Vilenica: 22nd International Literary Festival (Ljubljana: Slovene Writer’s Association, 2007), 354-367.
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย : ไกรวรรณ สีดาฟอง