500 ปี สัมพันธ์สยาม-โปรตุเกส เปิดหลักฐานใหม่ไม่มีสยามในแผนที่

ห้วงเวลา 5 ศตวรรษ แห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับโปรตุเกส แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้ลึกและรู้จริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ระหว่างสยามประเทศกับโปรตุเกส ที่กินเวลายาวนานถึง 500 ปี จาก พ.ศ.2054 เมื่อโปรตุเกสเข้ามาแย่งชิงเมืองท่าและสถานีการค้าจากอาณาจักรของมุสลิม ยึดเมืองมะละกาได้เป็นจุดแรกในอุษาคเนย์ แล้วโปรตุเกสก็เป็นชาติยุโรปชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับสยาม
ครบรอบ 500 ปี มีหนังสือประวัติศาสตร์เชิงสารคดีชื่อ "500 ปี ความสัมพันธ์สยาม-โปรตุเกส" ผลงาน ยุวดี วัชรางกูร นักคิดนักเขียน ที่นำเอาหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทั้งสองชาติ รวมเกร็ดความรู้น่าสนใจของสาธารณรัฐโปรตุเกส สถานที่สำคัญ มาย้อนเส้นทางค้นหาคำตอบประวัติศาสตร์สองซีกโลก
ยุวดี วัชรางกูร เล่าถึงที่มาของงานหนังสือนี้ ว่าปี 2551 ครั้งที่ยังเป็นหัวข่าวศิลปวัฒนธรรม-จุดประกาย สำนักพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้รับเชิญจากมูลนิธิโครงการตำราฯ ไปทัศนศึกษาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา-ลพบุรี-เพชรบูรณ์ โดยมีอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เป็นวิทยากร ที่โบราณสถานหมู่บ้านโปรตุเกส อ.ชาญวิทย์ พูดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะครบรอบ 500 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่างสยามและโปรตุเกส ณ ตอนนั้นมีบางสิ่งกระตุ้นใจ และคิดจะทำหนังสือสารคดีเรื่องนี้โดยเฉพาะ ก็เริ่มค้นคว้าข้อมูลเบื้องต้นรวบรวมหนังสือและเอกสารจากนั้นได้ทุนเดินทางไปลงพื้นที่เก็บข้อมูล 16 วัน 6 เมืองที่โปรตุเกสในปี 2553 แล้วกลับมาเขียน เรียบเรียงและตีพิมพ์ในปีนี้ โดยหนังสือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพิเศษ "500 ปี ความสัมพันธ์สยาม-โปรตุเกส" นอกจากหนังสือ ยังมีสารคดีประวัติศาสตร์ทางโทรทัศน์จำนวน 10 ตอน กิจกรรมสัมมนาในสถาบันการศึกษา รวมไปถึงนิทรรศการภาพว่าด้วยเรื่องนี้
ใน 10 บทของหนังสือเล่มนี้ ประกอบด้วยปฐมบทของการเดินทางไกล-เครื่องเทศและศรัทธาสู่กรุงศรีอยุธยา-ปืนไฟ ปืนใหญ่และทหารรับจ้าง-การค้าในเมืองท่านานาชาติ อยุธยา-เมื่อความรุ่งเรืองพ้นผ่าน-หมู่บ้านโปรตุเกส พระนครศรีอยุธยา-ชุมชนโปรตุเกสสมัยธนบุรี รัตนโกสินทร์-สถาปัตยกรรม "ชิโน-โปรตุเกส" มรดกทางภาษาและลูกหลานปินตู ฯลฯ
ยุวดีเล่าว่า การค้นคว้าข้อมูลได้ไปสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่โปรตุเกส ทั้งหอสมุดแห่งพระราชวังอะจูดา กรุงลิสบอน หอสมุดแห่งชาติบิบ ลิโอเทกา นาชินาล แต่ละที่มีเอกสารโบราณที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่หอสมุดแห่งชาติโปรตุเกส อ.ชาญวิทย์ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ สวมถุงมือและสัมผัสกับภาพแผนที่โดยฟอร์เนา วาช โดราดู แผนที่ฉบับนี้เขียนขึ้นในปี พ.ศ.2119 โดยไม่ปรากฎคำว่าสยามหรือกรุงศรีอยุธยา ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา ช่วงที่อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของหงสาวดียาวนาน 15 ปี พระนเรศวรทรงเป็นองค์ประกัน แผนที่นั้นเป็นชื่อเมืองพะโค หรือ Pegu ทาบไปบนพื้นที่ที่เป็นพม่าและไทยในปัจจุบัน นอกจากแผนที่โบราณฉบับนี้ ยังมีเอกสารเก่าอีก 6 ชุด ว่าด้วยสยามและอุษาคเนย์ที่บอกแง่มุมอื่นน่าสนใจ
"จากข้อมูลเอกสารแต่ละฉบับทำให้รู้ว่า นักสำรวจชาวโปรตุเกสสะกดชื่อสยามแตกต่างกัน ที่พบมาก คือ Siao รองลงมาคือ Syam และ Siam" ยุวดีเล่าในวันเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ
เธอยังเผยถึงเอกสารสำคัญยิ่งเกี่ยวกับสยามชิ้นหนึ่ง ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติโปรตุเกส นั่นคือ สนธิสัญญาทางไมตรี การค้า และการเดินเรือ พ.ศ.2402 สนธิสัญญาระหว่างสยามกับโปรตุเกสนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เก็บไว้ในกล่องไม้ ตัวเอกสารหุ้มผ้าแพรไหมเดินดิ้นทองคำ พร้อมด้วยพระราชลัญจกรทองคำ มีตราประทับครั่งแดง แสดงถึงความเป็นนักอนุรักษ์ของชาวโปรตุเกสสนธิสัญญาเขียนด้วยภาษาโปรตุเกสกับอังกฤษฟากหนึ่ง และภาษาไทยอีกฟากหนึ่ง แล้วยังมีตัวอักษรขอมและโรมันด้วย สมัยนั้นภาษาขอมถือเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ ที่น่าสนใจในพระราชลัญจกรมีตรากษัตริย์สยาม 2 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนสนธิสัญญาคู่ฉบับเก็บอยู่แผนกบรรณสาร กระทรวงการต่างประเทศไทย สภาพทรุดโทรมมาก ก็มีเสนอในหนังสือด้วย
และที่ตั้งใจทำงานชิ้นนี้ ผู้เขียนยังกล่าวว่า ไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์ แต่อยากให้คนไทยได้อ่านหนังสือเล่มนี้และมีความสุขกับงานวิชาการ ซึ่งมีความละเอียดและลุ่มลึก เพื่อเรียนรู้ ตั้งคำถาม และแสวงหาคำตอบไปพร้อมกัน งานเขียนนี้คือคำถามปลายเปิดที่ต้องการจะสื่อกับผู้อ่านเครื่องเทศเป็นเป้าหมายสูงสุดของการแสวงหาของโปรตุเกสหรือไม่ เวลานี้นักวิชาการใหม่ที่ศึกษาประเด็นสยามและโปรตุเกส ตั้งคำถามต่างจากที่งานศึกษาประวัติศาสตร์เคยทำมา นอกจากเล่มนี้ ยังมีงานเขียนอีกเล่มวางจำหน่ายพร้อมกันชื่อ "Discovering Portugal เบื้องหลังกองถ่ายสารคดี 500 ปี ความสัมพันธ์สยาม-โปรตุเกส" เหมาะกับคนรุ่นใหม่ เป็นรูปแบบสารคดีท่องเที่ยว สร้างความสนุกสนานให้คนอ่าน หรือมีไว้เป็นคู่มือท่องเที่ยวโปรตุเกสให้กับนักเดินทางก็ได้
ด้าน ธีรภาพ โลหิตกุล นักเขียนสารคดีชื่อดัง กล่าวว่า ชาติไทยมีวัฒนธรรมหลากหลาย ทั้งมอญ เขมร จีน แต่มียุโรปชาติเดียวที่เกี่ยวข้องกับไทย นั่นคือโปรตุเกส ตำราขนมไทยมีต้นกำเนิดมาจากโปรตุเกส ขนมฝรั่งกุฎีจีนก็เช่นกัน แม้กระทั่งบทเพลงจำนวนมาก ก็เป็นฝีมือการแต่งของคนไทยเชื้อสายโปรตุเกสมีหลายสิ่งที่แสดงถึงความเป็นโปรตุเกสในตัวเรา สำหรับงานเขียนชิ้นนี้ค้นลึกไปในความสัมพันธ์ไทย-โปรตุเกสได้มาก จะเรียกว่าเป็นวิทยานิพนธ์ก็ได้ แต่ผู้เขียนนำเสนออย่างมีสีสัน คนอ่านได้ความรู้โดยไม่รู้ตัว ทั้งยังเสนอประเด็นและการค้นพบสิ่งใหม่ มีภาพประกอบน่าตื่นเต้น อย่างแผนที่โบราณที่ไม่ระบุชื่อ Siam แต่เขียนว่า Pegu ประวัติศาสตร์ไทยถูกย้อนกลับไปสู่ต้นรากที่โปรตุเกส
"เป็นงานครบถ้วนกระบวนความเป็นสารคดี มีทั้งข้อมูล สีสัน และมีเสน่ห์ แม้ใช้ข้อมูลทางวิชาการลงลึก แต่บางบทมีชั้นเชิงวรรณศิลป์แอบซ่อนอยู่ มีข้อมูลทางจินตภาพที่ทำให้งานละเมียดละไมน่าอ่าน จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยกลับไปค้นหารากเหง้าได้ เพราะเราไม่ได้เป็นต้นรากวัฒนธรรม แต่เป็นพหุวัฒนธรรม ไทยแท้คือความผสมผสาน อย่างโปรตุเกสเป็นอีกชาติที่เข้ามากลมกลืนทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว" ธีรภาพทิ้งท้ายถึงจุดเด่นของงานประวัติศาสตร์เชิงสารคดีเล่มนี้
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : ถนนวรรณกรรม หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : ถนนวรรณกรรม หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์