Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

100 ชื่อหนังสือดีที่เด็กไทยควรอ่าน

                     
          

           ทำไมเด็กไทยอ่านหนังสือน้อย?
           อ่านหนังสือไม่ออก / ยากจนไม่มีเงินซื้อหนังสือ
           ครอบครัวไม่ส่งเสริม / ภาครัฐไม่สนับสนุน
           ไม่มีสถานที่อ่านใกล้ๆ บ้าน /  หรือว่า ไม่มีหนังสือดีให้อ่าน
           ถ้าข้อหลังสุดเป็นองค์ประกอบหนึ่ง ก็ต้องมาดูกันละว่าหนังสือดี ๆ ที่เด็กไทยควรอ่านนั้นมีอะไรบ้าง
           อันว่าการคัดสรร “หนังสือดี” ของประเทศไทยในห้วงที่ผ่านมาดูเหมือนเราเคยได้ยินบ่อย แต่นับอย่างเป็นทางการจริงๆ ในรอบ 1 ศตวรรษที่ผ่านมา (หลังรัชกาลที่ 5) มีเพียงสามสี่ครั้งเท่านั้น และทั้งหมดเกิดขึ้นหลัง พ.ศ.2540
          ในอดีตเคยมีการคัดเลือกวรรณกรรมที่มีคุณค่าสำหรับประเทศไทยโดย “วรรณคดีสโมสร” (สมัยรัชกาลที่ 6)  หลังจากนั้นตลอดเกือบ 100 ปี ไม่มีใครรับหน้าที่นี้อีก  จนกระทั่ง วิทยากร เชียงกูลและคณะ เสนอโครงการวิจัย “สารานุกรมแนะนำหนังสือ 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน” ในปี พ.ศ.2540 เพื่อเป็นคู่มือการอ่าน การศึกษา อันเกี่ยวเนื่องกับภูมิปัญญาไทยที่ไม่มีใครศึกษามาก่อน เพื่อช่วยกระตุ้นการอ่านให้คนไทยสนใจหนังสือไทย ประวัติศาสตร์และวรรณกรรมไทย ไม่ว่าหนังสือกวีนิพนธ์ เรื่องสั้น สารคดี แม้แต่หนังสือวิชาการที่ไม่ยาก 
           วิธีการคือ คณะวิจัยส่งแบบสอบถามไปยังนักวิชาการ อาจารย์  นักอ่านทั้งหลายให้เสนอชื่อหนังสือในดวงใจ แล้วกลั่นกรองคัดเลือก ผนวกกับรายชื่อที่คณะวิจัยพิจารณาคัดสรรอีกส่วน  รอบแรกคัดสรรได้ 200-300 เล่ม ต่อมาในรอบสุดท้ายจึงประชุมคัดเลือกจนเหลือ 100 เล่ม  โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
           สองปีต่อมา ด้วยแรงบันดาลใจจากโครงการแรกและแรงสนับสนุนจาก สกว.เช่นเดียวกัน จึงเกิดโครงการวิจัย “หนังสือดีที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน” ขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2542-2543 และปีถัดมาได้จัดพิมพ์ในรูปเล่มหนังสือออกขาย ในชื่อ “สารานุกรมแนะนำหนังสือดี 100 ชื่อเรื่องที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน”
          โครงการมีจุดมุ่งหมายที่จะกระตุ้นเด็กและเยาวชนไทยให้สนใจและรู้จักเลือกอ่านหนังสือดีสำหรับตัวเขาเพิ่มขึ้น
          คณะวิจัยที่นำโดย วิทยากร เชียงกูล และรื่นฤทัย สัจจพันธุ์ เห็นว่า การรักการอ่านเป็นกระบวนการฝึกการใฝ่รู้และเรียนรู้ด้วยตนเองที่สำคัญ ซึ่งคนไทยยังไม่ตระหนักเท่าที่ควร  ดังนั้นการส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักเลือกหนังสือดีๆ อ่าน และพัฒนาการอ่านหนังสือด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยส่งเสริมการคิดค้นวิจัย รวมถึงการเขียน การผลิตหนังสือดีๆ เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ส่งผลต่อความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมด้วย
 ทางคณะวิจัยตั้งเกณฑ์การคัดสรรไว้ว่าเป็นหนังสือเล่มประเภทบันเทิงคดี (นิทาน นิยาย เรื่องสั้น บทกวี ละคร) ที่เขียนขึ้นเองและพิมพ์เผยแพร่โดยไม่จำกัดยุคสมัย (หรือตั้งแต่ 100  กว่าปีที่แล้วจนถึงพ.ศ.2543) ไม่ใช่หนังสือแปลหรือคัดลอกเค้าโครงเนื้อหาหลักจากหนังสือเมืองนอก  มีเนื้อหา ท่วงทำนอง ภาพประกอบที่สามารถสนองความสนใจของนักอ่านกลุ่มเด็กและเยาวชนได้อย่างเหมาะสมกับวัย กระตุ้นจินตนาการและการเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและโลก 
          น่าสนใจก็ตรงเลือกหนังสือที่เคยใช้เป็นแบบเรียนเข้ามาด้วย เพราะเห็นว่าหนังสือ เช่น ปลาบู่ทอง, นิทานร้อยบรรทัด, “เรณู ปัญญา” เที่ยวรถไฟ” หรือ พ่อแม่รังแกฉัน  มีลักษณะเป็นบันเทิงคดีที่อ่านเพื่อความเพลิดเพลินได้  แต่ก็ไม่รวมหนังสือวรรณคดีเก่าฉบับดั้งเดิม และรายชื่อหนังสือใน “หนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน” เพราะถือว่าเป็นที่รู้จักและมีการประกาศให้ทราบทั่วกันแล้ว ไม่ต้องคัดเลือกซ้ำ
          การคัดเลือกแบ่งตามกลุ่มวัย 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มเด็กเล็ก (วัย 3-6 ปี) กลุ่มเด็กโต (วัย 7-12 ปี) และกลุ่มเด็กวัยรุ่นและเยาวชน (วัย 13-18 ปี) ประเภทหนังสือของเด็กโตจะจริงจังกว่าของน้องๆ เล็กน้อย  และบาง “ชื่อเรื่อง” อาจประกอบด้วยหนังสือหลายเล่มก็ได้
          เราคงอยากรู้ว่าในบรรดาหนังสือดี 100 ชื่อเรื่องมีหนังสือในดวงใจเรารวมอยู่ด้วยหรือเปล่า? 
          ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบรายชื่อกันต่อ  ข้อสังเกตในที่นี้ก็คือ หนังสือที่ผ่านคัดสรรประกอบด้วยหนังสือที่เด็กและผู้ใหญ่ทั่วไปรู้จักดี  คุ้นชื่อแต่ไม่เคยอ่าน ถึงเกือบไม่มีคนรู้จัก อาทิ นกกางเขน (หลวงกีรติวิทย์โอฬาร และอร่าม สิทธิสารีบุตร), ผีเสื้อและดอกไม้ (นิพพานฯ), ครูไหวใจร้าย (ผกาวดี), นิทานอีสป (พระยาเมธาบดี), ชีวิตของฉัน ลูกกระทิง (บุญส่ง เลขะกุล)  เชิงผาหิมพานต์ (สุชีพ ปุญญานุภาพ), อำเภออึกทึก (ดำรงศักดิ์ บุญสู่), ข้าวเขียวผู้เสียสละ (วิริยะ สิริสิงห), เล่นกลางแจ้ง (ปรีดา ปัญญาจันทร์) ฯลฯ
          จึงถือเป็นคุณูปการของงานวิจัยที่ได้รวบรวม คัดสรรรายชื่อหนังดีที่ผ่านกาลเวลาพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ให้พวกเรา-เด็กและเยาวชน ไปตามหามาอ่านกันต่อไป
 

 

 

ภาพจาก:http://lib.ru.ac.th