แรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ของ Joe Ray

เป็นเวลาเกือบ 10 ปีที่เขารายงานและเขียนเรื่องสั้นจากยุโรปและทั่วโลก เขียนเรื่องเกี่ยวกับบรรดาภัตตาคารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปารีส
โจ เรย์ เป็นนักเขียนและช่างภาพอิสระเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และอาหาร เป็นเวลาเกือบ 10 ปีที่เขารายงานและเขียนเรื่องสั้นจากยุโรปและทั่วโลก เขียนเรื่องเกี่ยวกับบรรดาภัตตาคารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปารีส การขับรถบนถนนเส้นยาวที่แสนสกปรกรู้จักกันในนาม Ruta 40 การได้ดื่มชาในซาฮาร่ากับชายนามอับดุล
เรื่องที่เขาเขียนได้ตีพิมพ์ตามนิตยสารชื่อดังหลากหลาย เขาอัพเดทบล็อกของตัวเองตลอดเวลา และได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนแนวท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2009 จาก the Society of American Travel Writers Foundation
เขาเล่าย้อนหลังว่าเกือบ 30 ปีมาแล้วที่ครอบครัวได้ซื้อบ้านพักแถบทะเลสาบไว้หลังหนึ่งเพื่อไปพักผ่อนตอนช่วงสุดสัปดาห์ เด็กชายหลงใหลบรรยากาศที่งดงามที่นั่น เขาเลือกทำงานเป็นกุ๊กตามเมืองต่าง ๆ แถวทะเลสาบ เรียนรู้ถึงความเป็นอิสระและรักพื้นที่ว่างอันงดงาม จนบัดนี้เขายังคงไม่สามารถที่จะทำงานในออฟฟิศได้
“มันทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณกำลังถูกดูดออกผ่านทางระบบระบายอากาศ ผมคงเหี่ยวแห้งตายแน่ ๆ หากไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ผมรัก” โจสรุป
โจทำงานหลายอย่างควบคู่ไปกับการเขียนเรื่อง และได้ตีพิมพ์ตามนิตยสารต่าง ๆ จนมาวันหนึ่งจึงได้พบว่าเขาให้เวลากับการเขียนมากเกินไป และตัดสินใจได้ว่าควรจะดำรงชีพด้วยงานเขียน
เขาย้ายไปอยู่ปารีส และมุ่งมั่นจะเป็นนักเขียน ซึ่งก็รู้ตัวดีว่ามันเป็นเรื่องบ้าที่ฝันว่าจะใช้ชีวิตอยู่ปารีสได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเงิน ไม่รู้จักใคร แถมภาษาฝรั่งเศสยังไม่คล่อง
“แต่การไม่มีความปลอดภัยใด ๆ ในชีวิตนี่แหละครับคือแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่”
โชคดีที่เพื่อนหญิงคนหนึ่งช่วยแนะนำเขากับบรรณาธิการนิตยสาร Boston Globe ให้เขาได้เขียนเซคชั่นต่างประเทศ
“หลังจากนั้นสักสองปี ผมก็เริ่มเชี่ยวชาญในการเขียนเรื่องเกี่ยวกับอาหาร ผมเคยทำงานเป็นกุ๊กอยู่หลายแห่งทั่วอเมริกา และอาหารเป็นอะไรบางอย่างที่ผมมีความรู้ที่จะคุยด้วยได้ การเขียนเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและอาหารกลายเป็นหัวข้อของผม ผมรักการทำอาหารและมันเป็นเรื่องง่ายขึ้นที่จะเขียนเรื่องที่มีหัวใจของคุณอยู่ในนั้น”
สิ่งที่ท้าทายในการทำงานเขียนในแบบของโจก็คือ "การทำงานอย่างรวดเร็วในสถานที่ใหม่สำหรับผม ผมไปได้ดีกับการค้นหาผู้คนดี ๆ และเรียนรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับบ้านและสิ่งพวกเขาให้ความสำคัญ แต่มันเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่ต้องใช้เวลา หากผมต้องทำอะไรที่มีช่วงเวลาสั้น ผมจำเป็นต้องรู้หัวข้อที่แน่นอน และชัดเจนว่าจะต้องคุยกับใคร ผมมักจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์หรือแม้แต่เป็นเดือน ๆ ในแต่ละสถานที่ และหากโชคดี คนท้องถิ่นสักคนก็จะพาผมไปชมสถานที่ที่พิเศษสำหรับพวกเขา …การศึกษาในช่วงเวลาสั้น ๆ บางครั้งอาจจบลงด้วยการพบคนผิด และสามารถทำให้คุณรู้สึกได้ว่าเรื่องของคุณได้ไหลรั่วออกไปหมดแล้ว"
เมื่อโจเดินทางไปยังประเทศใดก็ตาม เขามักจะถามไถ่ผู้คนถึงหนังสือเล่มโปรด แล้วเขาก็จะซื้อมาสักเล่ม
ถึงคราวที่เขาเริ่มเขียนเรื่องนั้นที่บ้าน การได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจะช่วยสมองแล่นกลับไปยังสถานที่แห่งนั้น
สำหรับคำแนะนำแก่นักเขียนใหม่คือ
"เสนอสิ่งที่ไม่มีใครสามารถทำได้ สำหรับผม มันเป็นสนามที่มีการแข่งขันน้อย เขียนถึงอะไรบางสิ่งที่ผมมีความรู้พอที่จะพูดได้ และจบลงด้วยการมีความคิดดีๆ เกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น"
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ