“เวียง” วชิระ บัวสนธ์ ฟุตบอลโลกคืองานวรรณกรรม

หากเอ่ยชื่อ “เวียง” วชิระ บัวสนธ์ บรรดาหนอนหนังสือล้วนรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเขาคือผู้กว้างขวางแห่งวงวรรณกรรมไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าของฉายา “ดอนเวียง” จะเปรียบศึกฟุตบอลโลกเหมือนงานวรรณกรรมชั้นดี
“สำหรับผม แทบไม่ต่างจากวรรณกรรม เมื่อเราได้เสพมัน จะได้รับทุกรสความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความรันทด สลดใจ ปวดร้าว เริงร่า แช่มชื่น ปิติ หงุดหงิด รำคาญ รวมถึงอาการสะใจ ในเกมหนึ่งๆ ยิ่งไปกว่านั้นบางนัดยังทำให้เรามีอารมณ์ร่วมต่อเนื่องไปตลอดทุกวินาที บางครั้งหลังจบเกม พลังชีวิตพลันหดฟืบลงราวลูกโป่งถูกปล่อยลม เพราะทีมเราเชียร์ดันแพ้อย่างเหลือเชื่อ ผมเคยเผชิญหน้ากับภาวะตกต่ำย่ำแย่ทางความรู้สึกนั้นมาแล้ว แต่หากทีมของเราชนะ อารมณ์จะเป็นตรงข้ามไปเลย”
แม้จะติดตามฟุตบอลโลกมาตั้งแต่ยุค 70 ทว่า เวียง-วชิระ มีจุดเริ่มสุดแปลกประหลาดที่ทำให้เขาต้องหันมาสนใจกีฬาลูกหนังอย่างจริงจัง “เดิมทีผมอาศัยดูอยู่ประปราย สมัยนั้นถ้าจำไม่ผิดยังไม่มีถ่ายทอดสดทุกนัด พูดได้หว่าขวนขวายแบบเอาเป็นเอาตาย มาเริ่มทุ่มความสนใจก็เนื่องมาจากวันหนึ่ง มีโอกาสไปบ้านแหน ตอนนั้นเพิ่งจีบเขาใหม่ๆ ปรากฏว่าโผล่เข้าไปในห้อง แต่เห็นโปสเตอร์ซึ่งเป็นนักฟุตบอลคนหนึ่งติดอยู่หราเต็มผนังรอบทิศหน้าตาหมอนั่นก็งั้นๆ หนวดเครารุ่งรัง ใส่เสื้อสีเหลือง ผมยังนึกในใจเลยว่า เราหล่อกว่าตั้งเยอะ สารภาพตามตรง ผมไม่ถูกชะตาหมอนั่นเลย แฟนของเราเอารูปผู้ชายที่ไหนมาไว้ในบ้าน ? มันคล้ายๆ หมิ่นหยามกันน่ะ แต่จะโวยวายก็ไม่ใช่นิสัยสุขภาพบุรุษอย่างเรา เลยทำให้ผมอยากรู้ว่ามันวิเศษวิโสแค่ไหน ไปๆ มาๆ ก็ต้องคารวะเจ้าหนวดคนนั้น โสเครติสแห่งทีมแซมบ้า ในที่สุดก็กลายเป็นสาวกทีมชาติบราซิลเหมือนแฟนบอลบ้านเราทั่วไปในเวลานั้น”
อย่างไรก็ดี หลังจากนั้น ดอนเวียงเริ่มเบื่อหน่ายทีมแซมบ้าด้วยเหตุผลที่ว่าทีมนี้เก่งเกินไป จึงเปลี่ยนทีมเชียร์ไปตามยุคสมัย “ตั้งแต่ปี 1982 เป็นต้นมา ผมติดตามฟุตบอลโลกมาตลอด แต่จะแอบเอาใจช่วยทีมเล็กๆ มากกว่า รวมทั้งสวามิภักดิ์ทีมหนึ่งทีมใดเป็นพิเศษ แต่ละนัดก็จะมีทีมหนึ่งที่เราเอาใจช่วยเสมอ อย่างในปี 82 เป็นอะไรที่แปลกใหม่เร้าใจมาก เมื่อใดเห็นทีมอย่างแคเมอรรูนเข้ามา ผมเข้าใจว่าหลายคนยังจำรเจอร์ มิลลา ได้ติดตา โดยเฉพาะทาทางแสดงความยินดีที่ส่ายก้นน้อยๆ ส่วนปี 1986 ก็ประทับใจแมตซ์คลาสสิกระหว่างฝรั่งเศสกับบราซิล ก่อนจะมามีช็อตหัตถ์พระเจ้าของ ดีเอโก มาราโดนา จำได้ว่าตอนนั้นผมเข้าข้างเสือเตี้ยในฐานะผู้ถูกกระทำเช่นเดียวกับนิยมชมชอบอังกฤษในปี 1990 เพราะชื่นชมในความเก่งกาจของ พอล แกสคอยน์ แม้จะไม่ชอบความเกเรของเขาก็ตาม”
ในขณะที่นักแทงบอลออนไลน์หลายคนต้องการเห็นทีมระดับแม่เหล็กเข้าไปชิงฟุตบอลโลกปี 2010 ทว่าดอนเวียงกลับมองว่า “ครั้งนี้แข่งกันบนดินแดนกาฬทวีป ผมอยากจะเห็นทีมจากโลกที่ 3 ไม่ว่าจะเป็น ไอเวอรี โคสต์, กานา, ไนจีเรีย, แคเมอรูนหรือแอฟริกาใต้เจ้าภาพ เข้าไปชิงกับทีมอะไรก็ได้จากเอเชีย ผมคิดว่ามันจะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของฟุตบอลโลก ที่สำคัญจะเป็นการตบหน้าทีมจากชาติจักรวรรดินิยมที่ครองความยิ่งใหญ่ในอดีตลงได้อย่างราบคาบ”
สุดท้ายผู้กว่างขวางแห่งวรรณกรรมไทย วิเคราะห์ถึงทีมที่จะก้าวไปเป็นแชมป์ไว้อย่างน่าฟังว่า ในศึกฟุตบอลโลก หรือทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ลำพังฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของทีมและแท็กติกอันเหลือร้ายของโค้ช ผมสังเกตว่ายังไม่พอ ทีมที่จะก้าวไปเป็นแชมป์มักมีเทพีแห่งโชคเข้ามาเกื้อหนุนเสมอ บางครั้งผมเชื่อถึงขั้นที่ว่ามันเป็นโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตเอาไว้ล่วงหน้าแล้วด้วยซ้ำ”
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : http://www.hiclub88.com/?p=9