Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

เล่าเรื่องเหล้าผ่านหนังสือ “ANOC”: สุราไม่ใช่สินค้าธรรมดา

 

 
ใกล้สิ้นปี เทศกาลเฉลิมฉลองคงจ่อคิวรอหลายคนแทบไม่ว่างเว้น!! 
 
ยิ่งกินดื่มมากเท่าไหร่ ก็คงเลี่ยงกล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ทั้งด้านสุขภาพ อุบัติเหตุ การก่อเหตุทะเลาะวิวาท มาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากำหนดขึ้นอย่างเข้มข้น ทั้งจำกัดการซื้อ การขาย การโฆษณา เนื่องมาจากผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ 
 
"ประชากรทั่วโลกตายปีละ 2.5 ล้านราย คนไทยตายปีละ 2.6 หมื่นรายหรือชั่วโมงละ 3 คน สาเหตุจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" เป็นข้อยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ธรรมดา 
 
ในอดีตเคยเกิดยุคมืดของการจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ในระดับโลก เพราะประเทศต่างๆ ยึดมั่นในระบบการค้าเสรี จึงได้พากันถอดนโยบายที่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ออกไป ทำให้ปัญหาที่เกิดจากการดื่มรุนแรงมากในประเทศกำลังพัฒนา 
 
H สุราไม่ใช่สินค้าธรรมดา 
 
นักวิชาการในระดับโลกได้ระดมสมองและทำการศึกษาวิจัย ว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่แค่สินค้าธรรมดาทั่วไปที่ใครจะไว้ใจได้ ให้สังคมได้รับทราบ เพื่อให้หันมาเห็นถึงความสำคัญของการใช้มาตรการควบคุมและ แก้ปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
 
น.พ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา เป็นหนึ่งในทีมผู้แปลหนังสือ Alcohol :No Ordinary Commodity : Research and Public Policy (Second Edition) หรือ ANOC ที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็น "หลักหมุดทางประวัติศาสตร์" ของวงการวิชาการด้านนโยบายแอลกอฮอล์ ซึ่งมีนักวิชาการระดับโลกร่วมแต่งหนังสือเล่มดังกล่าวถึง 15 คน ซึ่งเมื่อหนังสือเล่มนี้วางขายเกิดแรงโต้ตอบอย่างรุนแรงจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ประกาศให้งบประมาณไม่อั้นสำหรับนักวิชาการที่จะวิจัยเพื่อโต้แย้งหนังสือเล่มดังกล่าว 
 
"ความรู้สึกหลังจากอ่านจบ คือ คนไทยควรได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะทำให้เข้าใจสภาพของการควบคุมปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างดีขึ้น และจะเข้าใจว่าเหตุใดอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องทุรนทุรายเมื่อภาครัฐออกมาตรการควบคุม โดยหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมความรู้จากนักวิชาการระดับโลกไว้มากมาย คุ้มค่ากับการศึกษาอย่างยิ่ง" น.พ.ทักษพล อธิบาย 
 
 
เมื่อเปรียบเทียบประสบการณ์จากต่างประเทศ ก็ทำให้ทราบว่าจะนำมาปรับใช้กับประเทศไทยได้อย่างไรบ้าง เพราะบางปัญหาที่เกิดก็มีลักษณะคล้ายกับประเทศไทย เช่น การแต่งตั้งองค์กรหน้าฉากขึ้นมาเพื่อทำงานเคลื่อนไหวเพื่อกดดันการทำงานด้านควบคุมนโยบาย หรือ การโต้ต้านการโฆษณาทุกประเภท (Total Ban) จากธุรกิจแอลกอฮอล์ ก็แสดงให้เห็นว่า เกิดการต่อสู้อย่างหนักที่จะทำให้สินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นสินค้าธรรมดาทั่วไป ซึ่งในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน แม้จะการออกกฎหมายห้ามโฆษณาก็จะมีการต่อต้าน และอ้างว่ากฎหมายยังมีช่องโหว่ และละเมิดกฎหมายอยู่ทุกวัน 
 
H บอกชาวโลกผ่านหนังสือ "ANOC" 
 
หนังสือ ANOC เป็นความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกและกลุ่มนักวิชาการด้านนโยบายแอลกอฮอล์ โดยมีเหตุผลสำคัญ 3 ประการ คือ 
 
1. ข้อมูลวิชาการด้านระบาดวิทยาภาระโรค ที่แสดงให้เห็นว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต และความพิการ 
 
2. ปัญหาแอลกอฮอล์มีความเปลี่ยน แปลงอย่างรวดเร็ว สังคมโลกได้ให้ความสนใจกับการแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น ในการพัฒนานโยบายแอลกอ ฮอล์เพื่อปกป้องสุขภาพรวมถึงการบำบัดรักษาผู้ประสบปัญหา 
 
3. ความก้าวหน้าต่อเนื่องทางวิชาการ มีศักยภาพในการสนับสนุนกระบวนการนโยบายแอลกอฮอล์ และยืนยันได้ว่า สุราไม่ใช่สินค้าธรรมดา เป็นสินค้าพิเศษที่ต้องได้รับการจัดการด้วยนโยบาย เพื่อควบ คุมการบริโภคของสังคมโดยรวม และกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นการเฉพาะ 
 
 
มีงานวิจัยกว่า 100 ชิ้นที่ยืนยันความไม่ธรรมดาของสินค้าชนิดนี้ได้อย่างดีว่า ทำให้เกิดความสูญเสียมากเพียงใด 
 
การใช้องค์ความรู้ทางวิชาการ ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้เพื่อสนับสนุนมาตรการนโยบายแอลกอฮอล์ เพราะข้อมูลที่อยู่บนพื้นฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ จะสามารถหักล้างเหตุผลต่างๆ นานา ที่กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มักนำมาใช้อ้างในการเดินหน้าสร้างตลาดใหม่ๆ ได้อย่างดี 
 
H ผู้เขียนร่วมเล่าเรื่องเหล้าถึงไทย 
 
ศ.โทมัส บาเบอร์ หนึ่งในทีมนักวิชาการผู้เขียนหนังสือซึ่งเดินทางมาร่วมการประชุมวิชาการสุราแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศไทยจัดขึ้น กล่าวว่า หากประเทศไทยจัดวางตำแหน่งของสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เป็นสินค้าไม่ธรรมดาได้ ก็จะเกิดความสุขกับสังคมโดยรวมได้ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยมาตรการหลายอย่าง ทั้งการเข้าถึงการดื่มที่เหมาะสม การจำกัดการขาย การใช้มาตรการทางภาษีให้สูงขึ้น เพราะจากงานวิจัยในหลายประเทศได้ชี้ให้เห็นว่าเป็นมาตรการที่ได้ผล อย่างมาก ที่สำคัญคือต้องมีการให้ความรู้เด็กและเยาวชน ให้รู้ทัน รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้ขายให้ตระหนักถึงการกระทำตามกฎหมายด้วย 
 
ตัวอย่างหนึ่งจากหนังสือ ANOC ในเรื่องการควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการชี้ให้เห็นว่า มีหลายประเทศทั่วโลกที่พยายามต่อสู้กับปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้วยการจำกัดพื้นที่การขาย ควบคุมวัน เวลา สถานที่ห้ามขาย ซึ่งมีผลประจักษ์ให้เห็นชัดเจนว่า ปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลงอย่างชัดเจน 
 
เช่น เมืองเทนแนนท์ครีก ในประเทศออสเตร เลีย ได้ลองใช้การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันที่เงินรายได้ประจำสัปดาห์ออก และจำกัดเวลาการขายให้ขายได้เพียงเที่ยงวัน – 3 ทุ่ม โดยใช้นโยบายการรณรงค์ว่า "เอาเงินไปให้เด็กก่อน" 
 
ผลจากการใช้มาตรการดังกล่าว ทำให้การดื่มในช่วง 2 ปี ลดลง 19.4% และ จำนวนผู้กระทำผิดกฎหมายลดลง จำนวนการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลดลง ผู้หญิงที่ถูกทำร้ายลดลง 46% เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศที่หันมาใช้มาตรการควบคุมด้านวัน และเวลา สถานที่ การจัดจำหน่ายก็พบว่าได้ผลดีเช่นเดียวกัน 
 
H เตือนเตรียมรับมือเหล้าข้ามชาติถาโถม 
 
ยังมีงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำการตลาดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกมาก โดยเฉพาะเรื่องการโฆษณา ที่ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก แม้ว่าจะมีกฎหมายควบคุมแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าธุรกิจเหล่านี้จะทราบดีว่า หากควบคุมแล้วจะทำให้ลูกค้าหน้าใหม่ โดยเฉพาะเด็ก เยาวชนหายไปแน่นอน 
 
ซึ่งงานวิจัยได้กล่าวถึงการโฆษณาภาพลักษณ์องค์กรว่า ไม่ได้ทำให้เด็กและเยาวชน เข้าใจถึงพิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากนักและยังพบว่า การทำโฆษณาในกิจกรรมกีฬา ดนตรี กิจกรรมเชิงวัฒนธรรม ถือเป็นอันตรายต่อการรับรู้ของเด็กและเยาวชนอย่างมาก 
 
สถานการณ์ประเทศไทย แม้ว่าปัจจุบันจะมีมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในช่วงแรกของการทำงานที่ยังยากลำบาก เพราะเกิดแรงต่อต้านจากธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมาก 
 
และสถานการณ์ใหม่ที่กำลังจะเข้ามาอีกระลอก คือ การเปิดการเจรจาการค้าเสรีไทย-ยุโรป ที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่า "มาตรการภาษี" ซึ่งเป็นดาบสำคัญของประเทศไทยจะไม่สามารถนำมาใช้ได้ และการตลาดแบบข้ามชาติจะถาโถมใส่ประเทศไทยแบบตั้งตัวไม่ทัน 
 
ถ้าเข้าใจถึงบทเรียนของประเทศต่างๆ และนำมาปรับใช้ก็เชื่อว่าประเทศไทยอาจจะรับมือ เตรียมพร้อมไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซากขึ้นได้!! 
 
 
วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7315 
By : khaosod.co.th/