Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

เรื่องผลของเทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับสัญญาการเรียนที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านของนักเรียนที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่

ฮานานมูฮิบบะตุดดีน นอจิ (2549)  นักศึกษาปริญญาโท  สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษา   มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ได้ทำการวิจัยเรื่องผลของเทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับสัญญาการเรียนที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านของนักเรียนที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีจำนวน 50 คน ผลการวิจัยพบว่านักเรียนที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่ที่เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบสัญญาการเรียนมีความเข้าใจในการอ่านหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 นักเรียนที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่ที่เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบปกติมีความเข้าใจในการอ่านหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ใช้มลายูถิ่นเป็นภาษาแม่กลุ่มที่เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบสัญญาการเรียนมีคะแนนความเข้าใจในการอ่านสูงกว่ากลุ่มที่เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ฮานานมูฮิบบะตุดดีน นอจิ (2549).  ผลของเทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับสัญญาการเรียนที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านของนักเรียนที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่ .  วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. (จิตวิทยาการศึกษา).  ปัตตานี : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.  อาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ : ผศ.ดร.อัจฉรา ธรรมาภรณ์.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของเทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับสัญญาการเรียนที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านของนักเรียนที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 52 อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี จำนวน 50 คน สุ่มออกเป็นกลุ่มทดลอง 2 กลุ่มทดลอง กลุ่มทดลองละ 25 คน กลุ่มทดลองที่ 1 เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับสัญญาการเรียน ส่วนกลุ่มทดลองที่ 2 เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบปกติ เครื่องมือที่ใช้การวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับแต่ละกลุ่มทดลอง จำนวน 6 แผน และแบบทดสอบวัดความเข้าใจในการอ่าน ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่น .85 แบบแผนการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบแผนการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) แบบสุ่มผู้เข้ารับการทดลองและมีการทดสอบก่อนและทดสอบหลัง (Randomized Pretest – Posttest Design) ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการทดสอบค่าที (t-test) 
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่ที่เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบสัญญาการเรียนมีความเข้าใจในการอ่านหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่ที่เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบปกติมีความเข้าใจในการอ่านหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ใช้มลายูถิ่นเป็นภาษาแม่กลุ่มที่เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบสัญญาการเรียนมีคะแนนความเข้าใจในการอ่านสูงกว่ากลุ่มที่เรียนโดยใช้เทคนิคแผนภูมิความหมายร่วมกับการเรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05