Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

เขียนหนังสืออย่างไรให้ไม่ได้ซีไรต์

 

  1.ที่นี่ประเทศไทย 
 
                 ทักษะภาษาต่างประเทศอันยอดเยี่ยม อาจเป็นเสน่ห์สำหรับสาวงามที่เข้าประกวด แต่ซีไรต์เป็นเวทีสำหรับ
        งานเขียนสร้างสรรค์ ที่เน้นความงามอย่างมีคุณค่าแบบไทยๆ หากคุณมาโชว์ทักษะการเขียนเรื่องเป็นภาษาต่างด้าว
        หรือแปลหนังสือต่างประเทศมาส่งที่เวทีนี้  คุณก็พลาดซีไรต์ตั้งแต่คิดแล้ว
 
        2.มาสาย                          
 
   นัดเพื่อนแล้วมาสาย อาจอ้างว่ารถติดได้ แต่เหตุผลนี้ใช้ไม่ได้กับการส่งหนังสือชิงรางวัลซีไรต์
        ต่อให้กรรมการเป็นเพื่อนรักของคุณที่กอดคอกันมาตั้งแต่ประถมก็เถอะ เพราะเวทีนี้เขาเข้มงวดกับเดดไลน์การส่งงานมากๆ
 
        3.ไม่สร้างสรรค์ 
 
                ชื่อรางวัลเขาก็บอกแล้วว่าต้องสร้างสรรค์ ดังนั้นหากไม่ปรารถนาในรางวัลนี้ ก็จงเขียนเรื่องพร่ำพรรณนา
        ถึงความรักหวานแหววหรือไม่ก็บู๊ล้างผลาญแบบที่ไม่สร้างสรรค์สังคม และมีความคิดริเริ่มใดๆ ทางวรรณศิลป์ 
        พอคณะกรรมการอ่านงานของคุณไปได้สัก 2-3 เรื่อง คุณก็ได้ตกรอบสมใจ
 
       4.อยู่ไม่นาน 
 
  กรรมการเขาดูที่ความยืนยาว ความอมตะของเนื้อหาด้วย ดูอย่าง ครอบครัวกลางถนน ของศิลา โคมฉาย
       หรือ หม้อที่ขูดไม่ออก ของอัญชันผ่านมานับสิบปีแล้วยังร่วมสมัยอยู่เลย ฉะนั้น การเขียนให้ไม่ได้ซีไรต์ ก็ทำกลับกัน 
       คือเขียนเรื่องที่พร้อมจะหลุดจากยุคสมัยได้ง่ายๆ
 
      5.ไม่ควรเชิดชู                                                                            
 
               เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ที่เมื่อหนังสือเล่มใดได้รับรางวัลซีไรต์ ทางห้องสมุดโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ
       มักจะทำเรื่องส่งซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดกันให้จ้าละหวั่น  หรือบางเล่มถึงขั้นที่กระทรวงศึกษาธิการจัดแจงให้เป็น
       หนังสืออ่านนอกเวลาของเด็กนักเรียน หลายแสนคนทั่วประเทศ   ฉะนั้นถ้าหนังสือของคุณเข้าข่ายไม่น่าเชิดชู     
       หรือออกแนวไร้คุณค่าโดยสิ้นเชิง ยืนยันได้ว่า ยังไงคุณก็ไม่มีทางได้หยิบรางวัลซีไรต์
 
      6.กฎคือกฎ 
 
 ถ้าเขาบอกว่า ให้ส่งผลงานที่ตีพิมพ์ย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 ปี หรือการรวมเรื่องสั้น ต้องมีมากกว่า 7 เรื่อง 
       ก็คือ ความหมายตามนั้น หากไม่อยากได้รางวัลซีไรต์ เวลาคัดเรื่องสั้นมารวมเล่มทำพ็อกเก็ตบุ๊ก 
       ก็จงท่องไว้ว่าอย่ารวมเกิน 7 เล่ม
 
      7.ไม่ดูตาม้าตาเรือ 
 
 แต่ละปี ซีไรต์จะกำหนดประเภทของหนังสือที่จะได้รางวัลชัดเจน นวนิยาย-กวีนิพนธ์-เรื่องสั้น 
      วนเรียงกันอย่างนี้ การส่งงานผิดประเภทนั้นได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างไปจากการไม่ส่ง อย่างปีที่รับเรื่องสั้น 
      ก็แอบส่งนวนิยายไป ปีนวนิยายก็ส่งกวีนิพนธ์ให้มั่วกันไปหมด ไม่ต้องหวังฟลุก หรือไม่ต้องหวังว่าคณะกรรมการ
      จะเกิดอาการ มึนใดๆทั้งนั้น เพราะคุณพ้นวงโคจรของรางวัลซีไรต์ ตั้งแต่ขนหนังสือมายื่นแล้ว  และไม่รู้ว่าวงการ
      วรรณกรรมบ้านเรา  มีผู้ไม่หวังจะได้ซีไรต์มากหรืออย่างไร เพราะกรรมการบอกว่า มีคนส่งผิดประเภทเป็นประจำทุกปี 
      เยอะด้วย !!!
 
เกร็ดซีไรต์
 
 -ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีการจัดหมวดหมู่การให้รางวัลเป็นปีๆวนกันไปนวนิยาย กวีนิพนธ์  เรื่องสั้น           
ที่ลุ้นกันว่าความคิดความเรียงของคอลัมนิสต์จะมีโอกาสกลายเป็นซีไรต์สาขาใหม่ไหม กรรมการบอกว่าเป็นไปได้ยาก
ที่เป็นไปได้ก็มีแค่บทละครเวทีและสารคดี แต่ก็คงต้องรออีกนาน จนกว่าจะมีกระแสเรียกร้องแรงๆนั่นแหละ
 
        -กวีซีไรต์ เป็นคำเรียกสำหรับผู้ทีได้รับรางวัลประเภทกวีนิพนธ์ ส่วน นักเขียนซีไรต์ เรียกผู้ที่ได้รับรางวัลรวม
เรื่องสั้น และนวนิยายซึ่งถึงวันนี้ยังมีคนเรียกผิดอยู่
 
        -นักเขียนซีไรต์ชาวไทย นอกจากจะได้รับเงินรางวัล และแผ่นจารึกเป็นเกียรติประวัติแล้วยังได้รับสิทธิ์ไปทัศนาจร
ที่ประเทศใดก็ได้ในกลุ่มอาเซียน โดยโรงแรมโอเรียนเต็ลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
 
        -ตลอด 26 ปีที่ผ่านมา มีคนของรับสิทธิ์นี้เพียง 2 คน คือ วินทร์ เลียววาริณไปสิงคโปร์และปราบดา หยุ่น
ไปฟิลิปปินส์    เขาคือคู่นักเขียนซีไรต์ที่มีคอลัมน์เขียนคุยกัน เขาไม่ได้ไปพร้อมกันและไม่เคยเขียนคุยกันเรื่องนี้
 
        -นักเขียนซีไรต์ในประเทศอื่นๆจะไม่ได้รับสิทธิ์นี้ เพราะถือว่าการได้ตั๋วเครื่องบินและได้พักฟรีในโรงแรมโอเรียนเต็ล
ขณะมารับรางวัลที่ประเทศไทย นั่นคือ รางวัลแล้ว
 
        -ลุงคำพูน บุญทวี เป็นนักเขียนซีไรต์ที่อายุมากที่สุดขณะได้รับรางวัล คือ 51 ปี ท่านเป็นนักเขียนคนแรก
ที่ได้รับรางวัลซีไรต์และปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว
 
        -การตัดสินรางวัลซีไรต์ของประเทศอื่นๆคล้ายกับการตัดสินรางวัลศิลปินแห่งชาติที่พิจารณางานที่สร้างสรรค์
มาทั้งชีวิตไม่ใช่ดูเฉพาะเล่มเหมือนบ้านเรา ทำให้นักเขียนซีไรต์ของประเทศอื่นมักเป็นนักเขียนอาวุโส
 
       -นักเขียนอาวุโสของไทยนาม ฟ้า พูลวรลักษณ์ เคยส่ง 7 เรื่องสั้นของฟ้า เข้าชิงซีไรต์ด้วย แต่ก็ต้องหงายกลับมา
เพราะกติกาบอกว่ารวมเรื่องสั้นต้องมีอย่างน้อย 8 เรื่อง
 
       -การดีไซน์รูปเล่มน่าหยิบจับ อาจช่วยให้หนังสือน่าอ่าน แต่ไม่เกี่ยวกับการตัดสิน
 
       -เป็นเหมือนกันทุกปี ที่ในช่วงแรกๆไม่ค่อยมีใครส่งงานเข้ามา จะส่งกันจริงๆจังๆก็ช่วง2-3วันสุดท้าย
ที่ขนกันมาเป็นคันรถ
 
      -ผู้สันทัดกรณีบางคนคาดการณ์ว่าเขาทำเพื่อรอดูเชิงก่อนว่าใครส่งอะไรเข้ามาประกวดบ้าง ส่วนผู้ไม่ค่อยสันทัด
กลับบอกว่า    "นี่แหละ…นิสัยคนไทย !"
 
      -กรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์ไม่ได้เงิน แต่จะได้สินน้ำใจเป็นผลงานที่ส่งเข้าประกวดทุกเล่ม…พร้อมลัง 
 
ขอบคุณเรื่องดีๆจาก : http://std.kku.ac.th/