Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

อ่านอย่างไรให้หนูฟัง

      

 

      การอ่านสำคัญและมีประโยชน์ต่อเด็กจนไม่อาจละเลยได้ การอ่านนิทานให้เด็กฟังก่อนนอนนั้นใช้เวลาไม่มากอย่างที่คิด  ตามปกติแล้ว กว่าเด็ก ๆ จะหลับได้ ต้องให้ผู้ใหญ่พาเข้านอนและใช้เวลากับเขาครู่หนึ่งอยู่แล้ว  เราจึงควรฉกฉวยช่วงเวลาดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ โดยการเล่านิทานแทนที่จะคอยดุเขาว่า หลับซะๆ  จิตใจที่คึกคักไม่หยุดนิ่งของเด็กจะค่อย ๆ สงบลงไปเอง เมื่อหันเหมาสู่เรื่องเล่าซึ่งดึงดูดใจ
      ผู้ใหญ่ควรอ่านหนังสือให้เด็กฟังอย่างไร โดยไม่ให้ตัวเองรู้สึกเบื่อ หรือว่าเป็นหน้าที่  เด็กๆ นั้นความรู้สึกไว  ถ้าเราฝืนอ่านเขาจะทราบทันที  วิธีอ่านให้ได้ผลคือ คนอ่านเองต้องรู้สึกสนุกตามไปด้วย  ผู้ใหญ่อาจต้องพักเรื่องเหตุผลหรือโลกแห่งความเป็นจริงไว้ชั่วคราว  ถือเสียว่า เป็นเวลาที่จะได้สนุกกับเด็ก  เป็นเพื่อนร่วมทางพาเขาไปสู่โลกแห่งเรื่องเล่า   สิ่งสำคัญมากมายที่ได้จากกิจกรรมการอ่านจะแฝงฝังลงในความคิดจิตใจ และยังประโยชน์มหาศาลเมื่อเขาเข้าสู่วัยแห่งการเรียนรู้
      หลังจากสร้างทัศนคติที่ดีต่อการอ่านแล้ว  ควรเข้าใจเทคนิคพื้นฐานในการอ่านออกเสียง  การเล่านิทานให้สนุกนั้นต้องมีการใส่อารมณ์ลงไปขณะเล่าไม่ใช่อ่านเนิบนาบเหมือนกันตลอดเรื่อง  วิธีการง่ายๆ  คือรู้จักใช้เสียงให้เหมาะกับอารมณ์ในเรื่อง  คู่เสียงหลัก ๆได้แก่ เสียงดัง-เบา ,ช้า-เร็ว,สูง-ต่ำ ,เสียงหยุด-เสียงดัง เช่น กำปั้นทุบประตู โครม!  เสียงเบาเช่น เสียง สวบสาบ ดังอยู่ในความมืด   เสียงช้า เมฆ ลอยเลื่อน ไปในท้องฟ้า  เสียงเร็ว รถไฟวิ่ง ฉึกฉัก  เสียงสูงใช้ตอนโกรธ หรือตื่นเต้น  หา ว่าอะไรนะ  เสียงต่ำ ใช้ตอนผิดหวังหรือเศร้า น้ำตาลูกหมีหยด เผาะ เผาะ  ส่วนเสียงหยุด หรือเสียงหาย คือการเว้นช่วงหลังจากจบบางประโยค เช่น และแล้ว…(หยุดยาว) เพื่อเร้าความสนใจของคนฟังว่าจะเกิดอะไรตามมา ก่อนจะเฉลยด้วยการอ่านประโยคต่อไป
      ควรคำนึงว่า  ไม่จำเป็นต้องใส่อารมณ์มากเกินจนเหมือนกับแสดงละคร  เพียงแค่อย่าให้นิทานหมดสนุกเพราะการอ่านอย่างไร้อารมณ์เท่านั้น  นอกจากนี้ ยังมีเสียงที่ผู้เชี่ยวชาญแนะว่า ไม่ควรใช้คือ เสียงที่แสดงความฉลาด เมตตารู้ดีกว่า หรือว่าเสียงแบบพระเอกนางเอก  เพราะจะเป็นการย้ำถึงความเป็นผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เหนือกว่า ทำให้นิทานขาดอรรถรส  หรือทำให้เด็กรู้สึกเกร็ง ไม่เป็นตามธรรมชาติ