อ่านอย่างเป็นระบบและครบวงจรกับสมาคมห้องสมุดอเมริกัน
สมาคมห้องสมุดอเมริกัน หรือ ALA (American Library Association) เป็นสมาคมห้องสมุดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1876 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนามาตรฐานห้องสมุดให้ได้คุณภาพที่สุด และนำหน้าที่บริการข่าวสารความรู้ให้กับประชาชนอย่างเต็มศักยภาพ สมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กรได้แก่ห้องสมุดและบรรณารักษ์ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา มีเพียง 3.5 เปอร์เซนต์ที่เป็นสมาชิกข้ามชาติ
ด้วยความมุ่งหมายดังกล่าวจึงมีการแบ่งแยกขยายข่ายงานออกไป ครอบคลุมทั้งทางด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ โรงเรียน ห้องสมุดเพื่อเด็ก เพื่อการอ้างอิง ห้องสมุดประชาชน รวมทั้งห้องสมุดสำหรับเยาวชน นอกจากนั้นยังมีสำนักงานซึ่งทำงานด้านการเมือง(Intellectual freedom-OIF) เช่น ผลักดันกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อ่าน หน่วยงานที่ทำหน้าที่รณรงค์ส่งเสริมเรื่องการศึกษาตลอดชีวิต ,การอ่านออกเขียนได้ของประชาชน เนื่องจากมีการสำรวจพบในปี1992 ว่าชาวอเมริกันจำนวนถึง 44 ล้านคนไม่สามารถอ่านแม้แต่ฉลากอาหาร หรือว่านิทานให้ลูกฟัง นอกจากนั้นยังมีการเสวนาที่เรียกว่า การสัมมนาโต๊ะกลม (Round Table) จัดขึ้น 17 ครั้ง/ปี ตามหัวข้อต่างๆ หลากหลาย รวมถึงงานประชุมใหญ่ของสมาคม ซึ่งจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง และมีผู้สนใจเข้าร่วมนับพัน
ผลงานที่คนไทยรู้จักมากที่สุด น่าจะเป็นรางวัลวรรณกรรมเด็ก คาลเดอค็อตสำหรับหนังสือภาพ และรางวัล นิวเบอรี่สำหรับหนังสือเรื่องจาก ALSC หรือสมาคมห้องสมุดสำหรับเด็ก (Association for Library Service for Children) แม้ว่าจะมีรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ รางวัลดาร์ตเมาท์เมดัล สโตนวอลล์บุ๊คอะวอร์ด หรือ รางวัลสำหรับวรรณกรรมเยาวชนอีกหลายรางวัลจาก YALSA (Young Adult Library Services Association) หนึ่งในหน่วยงานของ ALA หนังสือที่ชนะเลิศหรือชมเชยเหล่านี้จะถูกจัดพิมพ์โดยส่วนสำนักพิมพ์ของสมาคม เช่นเดียวกับนิตยสาร American Libraries และ Booklist หรือ Editor’s Choice ที่บรรณารักษ์ห้องสมุดทั่วประเทศหรือกระทั่งทั่วโลกรอคอยที่จะคัดเลือกเข้าห้องสมุด ในส่วนของ Editor’s Choice นั้นไม่เพียงแต่แนะนำหนังสือดีสำหรับเด็กเท่านั้น มีการแยกซอยออกเป็นหนังสือดีสำหรับวัยรุ่น เด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ รวมทั้งหนังสือสำหรับผู้ใหญ่ที่เด็กอ่านดีอีกด้วย และยังแนะนำไปถึงซอฟแวร์, เว็บไซต์, หนัง, วิดีโอ หรือเพลงที่เหมาะสำหรับเด็กและเยาวชน
การที่ ALA ทำงานในขอบข่ายที่กว้างขวางครบวงจร มีประสิทธิภาพและได้รับความเชื่อถือตลอดมานั้นนอกเหนือจากโครงสร้างการบริหารงานที่ดีแล้ว ยังเป็นเพราะมีการทำงานร่วมกับหลายฝ่าย ทั้งภาคประชาชน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักการเมือง การศึกษา นอกเหนือจากบรรณารักษ์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย ผู้มีความรู้เรื่องหนังสือ บรรณาธิการ และสำนักพิมพ์ เราคงไม่คาดหวังขนาดนั้นต่อห้องสมุดไทยในระยะเวลาอันใกล้ เพียงแต่เล็งเห็นความเป็นไปได้ เนื่องจากมีห้องสมุดประชาชนอยู่ทุกหนแห่ง และเรามีสำนักพิมพ์ หนังสือ ผู้ทรงภูมิรู้ มีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อไปได้ ปัญหาอยู่แค่ว่า จะทำอย่างไรเท่านั้น จึงจะไปให้ถึงดั่งคติพจน์ของสมาคมห้องสมุดอเมริกันที่ว่า “ The best reader,for the largest number,at the least cost “ “สร้างผู้อ่านคุณภาพ จำนวนมากที่สุด อย่างสิ้นเปลืองน้อยที่สุด”
ภาพจาก : http://glassdoor.com/